ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2024

เพลงเรือบ้านแหลมโพธิ์

เพลงเรือบ้านแหลมโพธิ์ ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  สงขลา เพลงเรือแหลมโพธิ์ เป็นการเล่นเพลงเรือของชาวบ้านแหลมโพธิ์ ซึ่งเป็นแหลมเล็กๆ ที่ยื่นลงไปในทะเลสาบสงขลา ตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อุปกรณ์และวิธีการเล่น เป็นการเล่นเพลงพื้นบ้านในเรือ โดยใช้พายในการให้จังหวะ การเล่นเพลงเรือหรือการขับเพลงให้ลงกับจังหวะพาย ผู้พายก็ต้องฟังเสียงเพลง ผู้ขับเพลงเรือหรือแม่เพลงต้องเป็นผู้มีปฏิภาณไหวพริบที่จะหาคำ หรือหยิบยกเอาเหตุการณ์สิ่งแวดล้อมเข้ามาสอดแทรกเข้าไปให้เหมาะสม อาจเป็นการแข่งขัน ยกย่อง เสียดสีซึ่งทำให้ผู้ฟังสนุกไปด้วย ก่อนการเล่นเพลงต้องมีการกล่าวกลอนไหว้ครูก่อน จากนั้นจึงจะเอื้อนกลอนพรรณนาหรือชักชวนให้คนอื่นมาเล่นด้วย โดยใช้วิธีว่ากลอนกระทบกระทั่งกระเซ้าเย้าแหย่ จนคู่โต้มิอาจจะทนอยู่ได้ จึงเกิดการเล่นเพลงเรือโต้ตอบกันขึ้น การโต้ตอบกันด้วยเพลงเรือ บางทีก็เผ็ดร้อนใช้คารมที่คมคาย บางทีก็อาจเป็นทำนองรักหวานชื่น ทั้งนี้แล้วแต่โอกาสและสถานการณ์ โอกาสในการเล่น เพลงเรือบ้านแหลมโพธิ์นิยมเล่นในวันออกพรรษา ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า"ลากพระ" หรือ"ชักพระ" นอกจากผู้เล่นจะร้องกันในเรือแล...

ชนหญ้าขี้เตรย

  ชนหญ้าขี้เตรย ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  สงขลา อุปกรณ์และวิธีเล่น ชนหญ้าขี้เตรย เป็นการเล่นอย่างหนึ่งของเด็ก เล่นกัน ๒ คน โดยผู้เล่นทั้ง ๒ คนจะหาหญ้าขี้เตรย (หญ้าเจ้าชู้) มาคนละกี่ช่อก็ได้จำนวนฝ่ายละเท่า ๆ กัน เด็ดให้ติดก้านประมาณ ๑ คืบ แต่ละฝ่ายรวบหญ้าขี้เตรยให้มั่น เอาปลายหญ้าทั้ง ๒ ฝ่ายมาทาบกัน แล้วต่างฝ่ายต่างเกลียวไปคนละทางอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งหญ้าที่รวบไว้ทั้ง ๒ ฝ่ายพันเกลียวกันแน่น ถ้าหญ้าของฝ่ายใดขาดก่อน หรือขาดมากกว่าฝ่ายนั้นจะแพ้ จะถูกลงโทษตามที่ตกลงกันไว้ โอกาสที่เล่น เล่นได้ทุกโอกาส แนวคิด ฝึกให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา

หมาชิงมุม (การละเล่นของเด็ก)

  หมาชิงมุม (การละเล่นของเด็ก) ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ภูเก็ต อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. จำนวนผู้เล่น ๕ คน หรือมากกว่าก็ได้ ๒. หลักจำนวน ๔ ต้น ๓. สถานที่นิยมเล่นในที่ร่ม ที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง วิธีการเล่น หมาชิงมุม หรือ หมาชิงเสา เป็นการเล่นของเด็ก มีวิธีเล่นคล้ายลิงชิงหลัก คือมีผู้เล่น ๕ คน และมีหลักปักไว้ ๔ ต้น หรืออาจเขียนเครื่องหมายบนพื้น ๔ ทิศ ให้อยู่ห่างกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่เพื่อความสะดวกอาจใช้เสาศาลาพักร้อนหรือเสาของอาคารที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง ก็ได้ ก่อนเริ่มเล่นจะต้องมีการเสี่ยงทายหาผู้เล่นเป็น "หมา" เริ่มเล่นโดยการให้คนที่เป็น "หมา" ยืนอยู่ตรงกลางของพื้นที่ ๔ เหลี่ยม แล้วคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนที่กันยืน โดยการวิ่งจากมุมเดิมไปอยู่มุมอื่น (มุมไหนก็ได้) เป็นการแลกเปลี่ยนมุมกัน ผู้ที่เล่นเป็นหมาจะต้องแย่งมุมใดมุมหนึ่งซึ่งยังไม่มีใครครอบครอง หากผู้ที่เล่นเป็นหมาแย่งได้ ผู้ที่ไม่มีหลักครอบครองก็จะต้องเล่นเป็นหมาแทน แต่เมื่อผู้เล่นสามารถเปลี่ยนมุมได้คนละ ๕ หรือ ๗ ครั้ง แล้วแต่จะตกลงกัน ถ้าหมาไม่สามารถชิงมุมได้ ผู้เล่นทั้ง ๔ คน ก็จะช่วยกันหามหมาไปทิ้ง (ส่ง...

ซีละ

  ซีละ ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ยะลา อุปกรณ์การแสดง และวิธีการแสดง ซีละ หรือเรียกว่าดีกา หรือบือดีกา เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชาวไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศ ไทย โดยได้รับอิทธิพลด้านศิลปะการแสดงที่มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดขึ้นครั้ง แรกที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเชีย หรือจากมะละกา และแพร่กระจายมายังประเทศมาเลเชีย และมาทางตอนใต้ของประเทศไทย องค์ประกอบในการแสดง ๑. ผู้แสดง ซีละคณะหนึ่ง ๆ มีอย่างน้อย ๕ คน ผู้เล่นดนตรี ๓ คน ผู้เล่นซีละ ๒ คน การเล่นซีละจะเป็นการแสดงศิลปะการต่อสู้เป็นคู่ ต่อสู้ตัวต่อตัว ผู้เล่นจึงมี ๒ คนเป็นอย่างน้อย ๒. เครื่องดนตรีซีละเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่มีดนตรีประกอบเช่นเดียวกับ มวยไทยมี ๓ ชนิด คือ ฆือแน(กลองแขก) จำนวน ๑ - ๒ ใบ ฆง(ฆ้อง) จำนวน ๑ ใบ ซูนา(ปี่) จำนวน ๑ เลา ๓. เวทีการแสดง ปกติแสดงกันบนพื้นดิน สนามหญ้า หรือลานบ้าน ถ้ามีการรับเชิญไปแสดงบนเวทีก็แสดงได้ แต่ไม่ค่อยนิยมกัน วิธีการแสดง ผู้แสดงนิยมแต่งกายรัดกุม นุ่งกางเกงขายาว (แบบกางเกงจีน) ใส่เสื้อยืดคอกลมมีแขน มีผ้าลวดลายสวยงามพันทับจากเอวถึงเหนือเข่าและใช้ผ้าคาดสะเอว...

ดีเกร์ฮูลู

ดีเกร์ฮูลู  คนไทยนิยมเรียก ลิเกฮูลู หรือจะเรียกว่า ลำตัดมลายู การแสดงลิเกฮูลู คล้ายกับลำตัดทางภาคกลางของไทย ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหลายจังหวัดของทางภาคใต้ของไทย และแพร่กระจายไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่ใช้ภาษามลายูรวมทั้งกรุงเทพมหานครในย่านที่ประชาชนนับถือศาสนาอิสลาม ศิลปะเพลงร้องดีเกร์ฮูลูมักใช้เล่นในงานเข้าสุหนัต งานมาแกปูโละ (งานแต่งงาน) งานวันฮาลีรายอ งานเลี้ยงฉลอง งานเลี้ยงรับแขกบ้านแขกเมือง และงานเทศกาลที่ทางราชการจัด คณะหนึ่งมีนักเพลงหรือผู้ขับร้องประจำคณะอย่างน้อย 2 - 3 คน ลูกคู่ประมาณ 10 กว่าคน ร้องรับและตบมือ โยกตัวเข้ากับจังหวะดนตรี การแสดงดีเกร์ฮูลูในอดีตใช้ผู้แสดงเป็นผู้ชายล้วน ต่อมามีทั้งผู้ชายและผู้หญิง การแสดงมุ่งเน้นไปที่นักเพลงที่ทำหน้าที่เป็นแม่เพลงหรือต้นเสียงในการนำร้องเพลง

จับปูลม

 จับปูลม ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ภูเก็ต อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. บริเวณที่เป็นทรายขาวนวลและคลื่นสาดไม่ถึง ๒. ปูลม วิธีการเล่น เป็นการจับปูลมของเด็กเพื่อความสนุกสนาน ปูลมเป็นปูชนิดหนึ่งซึ่งขุดรูอยู่ชายหาดตอนบน คือบริเวณที่เป็นทรายขาวนวลและคลื่นสาดไม่ถึง มีลำตัวสีขาวคล้ายสีพื้นทรายตามลักษณะการปรับตัวตามธรรมชาติ มีขนาดเท่าๆกับปูเปี้ยววิ่งได้เร็วและเปลี่ยนทิศทางวิ่งได้เก่ง เมื่อรู้สึกตัวว่ามีภัยจะรีบวิ่งลงรูหรือไม่ก็เข้าซ่อนตัวตามกองทราย การจับปูลมนิยมมากในหมู่เด็กทั้งหญิงและชายที่มีบ้านเรือนอยู่ริมชายทะเลโดย ผู้จับปูลมมักจะไปเป็นกลุ่ม เมื่อพบปูลมก็จะตะโกนบอกกันแล้วช่วยกันไล่จับ อันเป็นการแข่งขันไปในทีด้วยว่าใครจะเป็นผู้สามารถจับปูลมตัวนั้นได้ การที่ปูลมเป็นปูที่วิ่งเร็วและหลบหลีภัยได้เก่งเป็นสิ่งที่ท้าทายความ สามารถของเด็กๆมาก เมื่อจับปูลมได้หรือจับไม่ได้เพราะปูลมหนีลงรูหรือฝังตัวตามกองทรายเสียก่อ นกตาม ผู้จับปูลมอาจไล่จับปูลมเพียงลำพังตนก็มีบ้าง โอกาสหรือเวลาที่เล่น การจับปูลมนิยมกันในตอนบ่ายหรือเย็น ซึ่งเป็นเวลาเหมาะที่จะไปเที่ยวเล่นตามชายหาด คุณค่า/แนวคิ...

การเล่นจาโต (หมากรุก)

  การเล่นจาโต (หมากรุก) ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ยะลา จาโตเป็นการเล่นอย่างหนึ่งของชาวไทยมุสลิม ซึ่งพอเทียบได้กับการเล่นหมากรุกไทย หมากรุกฝรั่ง และหมากรุกจีน ไม่ว่าจะเป็นกระดาน จำนวนตาราง ตัวหมาก การวางหมาก การเดิน การกิน และการไล่ กระดาน เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีจำนวน ๖๔ ตาราง ตามกว้าง ๘ ตาราง ตามยาว ๘ ตาราง ตัวหมาก มีฝ่ายละ ๑๖ คือ เต มี ๒ ตัวเทียบเท่ากับ เรือ ของหมากรุกไทย กูดอ มี ๒ ตัวเทียบเท่ากับ ม้า ของหมากรุกไทย กาเยาะ มี ๒ ตัวเทียบเท่ากับ โคน ของหมากรุกไทย รายอ มี ๑ ตัวเทียบเท่ากับ ขุน ของหมากรุกไทย กรี มี ๑ ตัวเทียบเท่ากับ เม็ด ของเม็ดหมากรุกไทย บีเดาะ มี ๘ ตัวเทียบเท่ากับ เบี้ย ของหมากรุกไทย การวางหมาก วาง ๒ แถวจากแถวล่างสุด ซ้ายไปขวาดังนั้น เต กูดอ กาเยาะ รายอ กรี กาเยาะ กูดอ เต แถวถัดไปชิดกับแถวแรก (ตั้งเหมือนหมากรุกฝรั่ง ) เป็นที่ตั้งของบีเดาะ ๘ ตัว การเดิน ต่างตัวต่างเดินไม่เหมือนกันคือ "เต" เดินในทิศทางตรงไปข้างหน้า ถอยหลัง ไปข้างซ้าย ไปข้างขวา จะยาวทีละตาหรือกี่ตาก็ได้ เหมือนหมากรุกไทยทุกอย่าง "กูดอ" เดินทแยงไป ๑ ตาแล้วตรงขึ้นบน หรือตรงไปทางขวา สำห...

จุ้มจี้ : การเล่นของเด็ก

  จุ้มจี้ : การเล่นของเด็ก ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ภูเก็ต อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. จำนวนผู้เล่นตั้งแต่ ๓-๑๐ คน ๒. สถานที่นิยมเล่นในที่ร่ม วิธีการเล่น จุ้มจี้ หรือจ้ำจี้ เป็นการเล่นเสี่ยงทายคัดเลือกคนออกไปจากวงโดยการนับและใช้นิ้วชี้ไปยังมือ หรือนิ้วของผู้เล่น จำนวนผู้เล่นตั้งแต่ ๓-๑๐ คน สถานที่เล่นนิยมเล่นในร่ม ก่อนเริ่มเล่นต้องเสี่ยงทายคนจี้เสียก่อน เมื่อได้ตัวคนจี้แล้ว ผู้เล่นทุกคนรวมทั้งผู้จี้ด้วยต้องนั่งล้อมเป็นวงกลม คว่ำฝ่ามือทั้ง ๒ ข้างลงบนพื้นข้างหน้ายกเว้นคนจี้จะคว่ำฝ่ามือลงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งจะใช้สำหรับจี้หลังมือทุกมือที่วางอยูในวง โดยเริ่มจี้จากมือของตนเองก่อน ขณะที่จี้ผู้เล่นช่วยกันร้องเพลงประกอบการเล่น ๑ พยางค์ต่อการจี้ ๑ ครั้งหรือ ๑ มือ เมื่อพยางค์สุดท้ายของเพลงตกตรงที่มือไหนมือนั้นจะต้องยกออกจากวง ผู้จี้จะร้องเพลงประกอบและจี้ไปเรื่อยๆจนเหลือผู้เล่นเหลือมืออยู่ในวงคน เดียวและเป็นสุดท้ายก็เป็นผู้ชนะ ถ้าจะเล่นต่อไปผู้ชนะก็จะเป็นผู้จี้แทนคนเดิม เพลงร้องประกอบการเล่นจุ้มจี้มีมากมายหลายสำนวน อาจผิดเพี้ยนกันไปบ้างเพราะการถ่ายทอดมาหลายๆขั้นจึงทำใ...

การกระโดดเชือก

  การกระโดดเชือก ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  พังงา อุปกรณ์และวิธีการเล่น เป็นการเล่นที่หัดให้ผู้เล่นใช้กำลังแขน กำลังขา เป็นคนตาไว และคล่องแคล่ว เครื่องใช้ในการเล่น คือ เชือกเส้นหนึ่งขนาดโตเท่าปลายนิ้วก้อยยาววาศอก ถ้ากระโดดมากคนด้วยกันต้องยาวประมาณ ๔-๕ วา วิธีเล่น วิธีที่ ๑ สำหรับผู้เล่นคนเดียว ให้ผู้เล่นถือเชือกด้วยมือทั้งสองข้าง งอศอกเล็กน้อยให้กลางเชือกห้อยอยู่ข้างหลัง แล้วแกว่งเชือกให้เร็วขึ้นทุกที จนแทบแลไม่เห็นเส้นเชือกจึงจะสนุก วิธีที่ ๒ วิธีนี้ต้องใช้เชือกให้ยาวสักหน่อย ให้ผู้เล่นสองคนจับปลายเชือกด้วยมือทั้งสอง เชือกจะแกว่งลงพื้นข้างหนึ่ง และขึ้นอีกข้างหนึ่งผู้เล่นนอกนั้นยืนอยู่ห่างๆ ทางด้านที่เชือกลงพื้นพอเห็นเชือกแกว่งดีแล้วก็ให้คนวิ่งเข้าไป ระวังอย่าให้ติดเชือก และยืนระหว่างกลางคนแกว่งเชือกทั้งสอง คอยกระโดดขึ้นเมื่อเชือกฟาดลงพื้นเพื่อให้เชือกลอดไป ต้องหมายตาคอยดูให้ดี พอกระโดดได้สักสิบครั้ง ก็วิ่งออกไปอีกด้านหนึ่ง แล้วคนที่สองจึงวิ่งไปกระโดดบ้าง ให้ผู้เล่นวิ่งทยอยเข้าไปกระโดด เช่นนี้จนครบผู้เล่นทุกคนจะต้องผลัดกันแกว่งเชือก และต้องแกว่งให้ดี คือให้เชือกตกล...

ซัดต้ม

  ซัดต้ม ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  พัทลุง วิธีการเล่น การซัดต้ม เริ่มด้วยการเตรียมอุปกรณ์ในการซัดต้ม โดยทำลูกต้มสำหรับปาด้วยข้าวตากผสมทรายห่อด้วยใบตาลโตนด หรือใบมะพร้าวมาสานแบบตะกร้ออย่างแน่นหนา ขนาดเท่ากับกำปั้นพอเหมาะมือ อาจจะใช้หวายสอดภายนอกอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้แน่นและคงทนยิ่งขึ้น หลังจากนั้นก็นำลูกต้มไปแช่น้ำเพื่อให้ข้าวตากพองตัวมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก เมื่อปาถูกฝ่ายตรงข้ามจะทำให้เจ็บ บางครั้งทำให้เลือดตกยางออกได้ ส่วนสนามหรือเวทีในการซัดต้มปลูกยกพื้นสูงประมาณ ๑ เมตร กว้างด้านละ ๑-๒ เมตร ห่างกันประมาณ ๖-๘ เมตร หรืออาจจะใช้พื้นดินธรรมดาก็ได้ การเปรียบคู่ จะเอาคนที่มีลักษณะรูปร่างความแข็งแรงและความชำนาญที่พอจะสู้กันได้ หรืออาจจะให้คนที่มีฝีมือมาสู้กัน คู่ต่อสู้จะยืนบนเวทีหันหน้าเข้าหากัน ห่างกันประมาณ ๖-๘ เมตร โดยมีกรรมการเป็นผู้กำหนด การปาหรือซัดต้มจะผลัดกัน เช่น ปาคนละ ๓ ครั้ง โดยมีลูกต้มวางอยู่ข้างหน้าฝ่ายละประมาณ ๒๕-๓๐ ลูก การแต่งกายจะนุ่งกางเกงหรือนุ่งผ้าโจงกระเบนก็ได้ บางคนอาจจะมีมงคลสวมหัว มีผ้าประเจียดพันแขนเช่นเดียวกับนักมวย ก่อนลงมือแข่งขันก็มีการร่ายคาถา...

อีฉุด

 อีฉุด ภาค      ภาคใต้ จังหวัด   กระบี่ วิธีการเล่น ผู้เล่นตกลงกันว่าใครจะเป็นผู้เล่นก่อนหลัง โดยผู้เล่นมีลูกเกยคนละลูก หลังจากนั้นก็ขีดตารางเป็นช่องสี่เหลี่ยมจำนวน ๖ ช่อง หรือเรียกว่า ๖ เมือง โดยแบ่งเป็นซีกซ้าย ๓ เมือง ซีกขวา ๓ เมือง การเริ่มเล่น ผู้เล่นคนที่ ๑ เริ่มเล่นโดยการทอยลูกเกยลงไปในเขตเมืองที่ ๑ แล้วกระโดดยืนเท้าเดียวในเมืองที่ ๑ หลังจากนั้นใช้ปลายเท้าฉุดลูกเกยให้ผ่านไปในเขตเมืองที่ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ตามลำดับแล้วก็ฉุดลูกเกยออกจากเขตเมืองที่ ๖ ต่อไปผู้เล่นคนเดิม ต้องทอยลูกเกยลงในเมืองที่ ๒ แล้วกระโดดยืนเท้าเดียวในเมืองที่ ๑ กระโดดต่อไปในเมืองที่ ๒ หลังจากนั้นก็เล่นเหมือนเดิมไปเรื่อยๆทุกเมือง จนถึงเมืองที่ ๖ เมื่อทอยลูกเกยและฉุดได้ครบทั้ง ๖ เมืองแล้วให้ผู้เล่นกระโดดด้วยเท้าข้างเดียวจังหวะเดียวลงบนเมืองที่ ๑ ถึง เมืองที่ ๖ ตามลำดับ ห้ามกระโดดหลายครั้งมิฉะนั้นถือว่า ตาย ต้องให้คนอื่นๆเล่นต่อ ถ้าเล่นครบท่านี้แล้วไม่ตาย ให้เล่นในท่าต่อไป คือ เอาลูกเกยวางบนหลังเท้าแล้วสาวเท้าลงในเมืองทั้ง ๖ เมือง ตามลำดับ แต่เท้าหนึ่งลงในเมืองหนึ่งได้เพียงครั้งเดียว เช่น เท้าซ้า...

ชิบโป้ง

  ชิบโป้ง ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ภูเก็ต อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. กระบอกชิบโป้ง ๒. ลูกพลาหรือกระดาษชุบน้ำทำเป็นเม็ดกลม ๓. ไม้ไผ่เพื่อทำกระบอกชิบโป้ง ๔. ไม้ไผ่เหลาให้เป็นอันกลมเพื่อเป็นไส้กระบอกชิบโป้ง วิธีการเล่น ๑. ให้เอากระสุนที่เตรียมไว้ใส่กระบอก ๒. ใช้ไม้กระทุ้งไปให้กระสุนอยู่ราว ๆ เกือบสุดปลายกระบอกครั้งละ ๑-๒ เม็ด ๓. เมื่ออัดกระสุนแน่นดีแล้วให้ใช้ไม้กระทุ้งไปโดนคู่ต่อสู้โดยแบ่งสมาชิกออก เป็น ๒ ฝ่ายเท่า ๆ กัน และตกลงกันว่าฝ่ายใดจะเป็นโจร และฝ่ายใดจะเป็นตำรวจ โอกาสหรือเวลาที่เล่น ได้ทุกเวลา แต่ต้องดูโอกาสและความเหมาะสม คุณค่า/แนวคิด/สาระ ๑. การเล่นเพื่อความสนุกสนาน ๒. เป็นการละเล่นที่รู้จักนำวัสดุมาใช้ให้เกิดประโยชน์โดยที่อุปกรณ์ในการเล่นไม่ต้องซื้อ ๓. เป็นการฝึกความแม่นยำ ทั้งสายตาว่องไว และมือที่มั่นคง ต้องประสานกัน ๔. เป็นพื้นฐานของการฝึกให้รักการกีฬา ยิงธนู ยิงปืน

บูสุ

  บูสุ ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  สตูล อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ เช่น ลูกฟุตบอลเล็ก ก้อนอิฐ หรือไม้ขนาดพอสมควร สำหรับวางเพื่อทอยลูกบอลเล็กให้สัมผัส ผู้เล่นไม่จำกัดเพศ วัย จำนวนต้องเหมาะสมกับสถานที่ วิธีเล่น แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่าย ๆ ละ เท่า ๆ กัน จับฉลากว่าฝ่ายใดเล่นก่อน อีกฝ่ายหนึ่งตั้งรับ เล่นจากท่าที่ ๑ - ๑๐ (แต่ละท่ามีชื่อต่างกันเล่นทีละคน ตีบอลตามขั้นตอนของการเล่นจนหมด ถ้าผู้ใดตีบอลไปแล้วผู้เล่นฝ่ายรับ รับไม่ได้ ลูกบอลตีไปไกลเพียงใด เอาจุดที่ลูกบอลตก เป็นจุดเริ่มต้น ทอยลูกบอลไปหาเสาหลัก (ก้อนอิฐ หรือ ไม้) การวางหลักตั้งขีดเส้นด้านหน้าหลัก ๑ เส้น เพื่อให้ผู้เล่นตีบอลให้พ้นเส้นคือว่าผ่าน มีสิทธิตีลูกบอลต่อไป ในแต่ละท่า ให้ตี ๓ ครั้ง จึงได้ ๑ คะแนน หากฝ่ายรับทอยลูกไม่ถูกหลัก ถือว่าผู้เล่นนั้นตายเหมือนกัน และฝ่ายเล่นก็จะเล่นท่าต่อไป หากฝ่ายเล่นตีลูกตายทุกคน ก็จะเปลี่ยนข้าง ฝ่ายรับจะเป็นผู้เล่นต่อไป สลับกันเลื่อย ๆ จนเหนื่อย และหยุดไปเอง ผู้เล่น เล่นท่าที่ ๑ ถึง ๑๐ ได้ก่อนก็จะชนะ ท่าบูสุมี ๑๐ ท่า ๑. ลูกบูสุ ๒. ลูกมือเดียว ๓. ลูกสองมือ ๔. ลูกตบอก ๕. ลูกซีกู ๖. ลู...

ฉับโผง

ฉับโผง ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  กระบี่ อุปกรณ์และวิธีเล่น ฉับโผง เป็นวัตถุประดิษฐ์ที่เด็กกระบี่ในสมัยก่อนนิยมเล่นกัน วิธีการประดิษฐ์นำไม้ไผ่ขนาดเล็ก มาตัดให้เหลือ ๑ ปล้องมีรูกลวงตรงกลางตลอดลำ (ยาวประมาณ ๑ คืบ) เรียกส่วนนี้ว่า "บอกฉับโผง"จากนั้นนำไม้ไผ่ความยาวประมาณ ๑.๕ คืบมาเกลาให้กลม ขนาดพอที่จะกระทุ้งเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ได้ พร้อมทั้งใช้ไม้ไผ่ขนาดเท่ากระบอกฉับโผงความยาวประมาณ ๐.๕ คืบ สวมโคนไม้ไผ่ส่วนที่ยาวเกินกระบอก ชิ้นส่วนนี้เรียกว่า "ด้ามจับ" วิธีการเล่น นำลูกพลา (ผลไม้ป่ามีลักษณะผลเป็นช่อคล้ายมะเขือพวงแต่ลูกเล็กกว่า) อัดเข้าไปในกระบอกฉับโผง แล้วมือข้างหนึ่งถือกระบอกมือข้างหนึ่งถือด้ามจับสอดปลายด้ามจับกระทุ้งไป ด้านหน้าแรงๆให้แรงอัดดันลูกพลาพุ่งออกไปนอกกระบอก โอกาสและเวลาที่เล่น การเล่นฉับโผงไม่จำกัดโอกาสและเวลาที่เล่น สามารถใช้เล่นยิงกันแทนปืนหรือยิงวัตถุที่เป็นเป้าได้ทุกโอกาส คุณค่าและแนวคิด การเล่นฉับโผงส่วนใหญ่แล้วนิยมเล่นกันเป็นกลุ่มๆก่อให้เกิดความสามัคคีใน หมู่คณะฝึกความแม่นยำและฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือและเป็นการฝึกให้ เด็กๆได้นำวัสดุจากธร...

กรือโต๊ะ

  กรือโต๊ะ ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  นราธิวาส อุปกรณ์และวิธีการเล่น กรือโต๊ะ เป็นการละเล่นชนิดหนึ่งของชาวไทยมุสลิม แหล่งที่นิยมเล่นกันมาก คือ แถบอำเภอแว้ง อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส อุปกรณ์ในการละเล่นกรือโต๊ะ จะมีกรือโต๊ะซึ่งประกอบด้วย ๓ ส่วนด้วยกัน คือ ตัวกรือโต๊ะ เด๊าว์หรือใบ และไม้ตีตัวกรือโต๊ะ ทำจากไม้เนื้อแข็งที่เรียกว่า "ไม้ตาแป" จะเอาไม้ตาแปมาตากแดดให้แห้งสนิทแล้วนำมาตัดให้ได้ขนาดแล้วใช้สิวขุดให้เป็น หลุม ลักษณะของหลุมที่นิยมคือ หลุมปากแคบ และป่องตรงกลาง ภายนอกจะตกแต่งหรือกลึงอย่างสวยงามมีการทาสี สีที่นิยมทากันคือ สีฟ้า สีขาว สีเหลือง หรือทาน้ำมันชักเงาให้สวยงาม เด๊าว์ หรือ เรียกว่า ใบ หรือลิ้นเสียง จะทำจากไม้ตาแปที่แห้งสนิทดีเช่นเดียวกับกรือโต๊ะ กรือโต๊ะใบหนึ่ง ๆ มีเด๊าว์ ๓ อัน คือทำเป็นเสียงต่ำ เสียงกลาง และเสียงสูง อย่างละอัน ขนาดของเด๊าว์ยาวประมาณ ๒-๓ ฟุต กว้างประมาณ ๖-๘ นิ้ว ส่วนความยาวตามความชำนาญของผู้ใช้เล่น ไม้ตี ทำจากไม้เนื้อแข็ง ขนาดของไม้พอจับถือได้ถนัด ยาวประมาณ ๑ ฟุต ปลายด้ามที่ใช้ตี จะพันด้วยเส้นยางพาราเป็นหัวกลมขนาดโตก...

ขว้างราว

  ขว้างราว ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  กระบี่ อุปกรณ์และวิธีเล่น ขว้างราว เป็นการเล่นที่นิยมของเด็กในจังหวัดกระบี่ กล่าวคือ นำไม้ไผ่มาผ่าเกลาให้ มีขนาดกว้าง ๑ นิ้ว ยาว ๓๐ เซนติเมตร ทำเป็นราว การเล่นไม่จำกัดจำนวนผู้เล่นส่วนใหญ่ประมาณ ๓-๕ คน นำราวมาตั้งโดยมีหินรองปลายราวทั้ง ๒ ข้างให้สูงจากพื้นดินประมาณ ๓ นิ้ว แล้วขีดเส้นเป็นเขตสำหรับยืนขว้างให้ห่างจากราวประมาณ ๕ เมตร หลังจากนั้นก็นำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไปวางบนราวตามที่ได้ตกลงกันว่าวางคนละ กี่เมล็ด จากนั้นก็เริ่มขว้าง ถ้าคนแรกขว้างถูกและควํ่าหมดถือว่าจบเกมส์คนขว้างจะได้เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ทั้งหมด ผู้เล่นแต่ละคนต้องนำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไปวางบนราวใหม่ แต่ถ้าขว้างไม่ถูกหรือควํ่าไม่หมดคนที่สองก็ขว้างต่อ จนกระทั่งควํ่าหมดจึงเริ่มเล่นใหม่ โอกาสและเวลาที่เล่น การเล่นขว้างราว นิยมเล่นกันในช่วงฤดูที่มะม่วงหิมพานต์ออกผล ไม่จำกัดเวลาในการเล่น คุณค่าและแนวคิด การเล่นขว้างราวเป็นการฝึกสมาธิ ความแม่นยำและความสัมพันธ์กันระหว่างสายตากับมือ และก่อให้เกิดความสามัคคีกันในหมู่คณะ

เพลงนา

  เพลงนา ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ชุมพร อุปกรณ์และวิธีการเล่น ในการเล่นเพลงนาใช้ผู้เล่น ๑ คู่ ถ้าจะมีมากกว่านี้ก็ต้องเป็นจำนวนคู่แต่ที่นิยมกันมักไม่เกิน ๒ คู่ แต่ละคู่จะมีแม่เพลงคนหนึ่งทำหน้าที่ร้องนำ เรียกว่า "แม่คู่" มีผู้รับหรือ "ทอย" คนหนึ่งเรียกว่า "ท้ายไฟ" ถ้าผู้เล่นมีคู่เดียว บทที่ร้องมักเป็นบทชมบทเกี้ยวและบอกกล่าวเรื่องราวต่าง ๆ แต่ถ้าเล่น ๒ คู่ มักจะเป็น "กลอนรบ" หรือ บท "ฉะฟัน" คือร้องเพลงโต้ตอบกัน โดยต่างฝ่ายต่างหยิบยกเอาปมด้อยของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาว่าและว่ากันอย่างเจ็บ แสบ การร้องโต้ตอบนี้ท้ายไฟของฝ่ายใดก็จะทำหน้าที่รับทอยของฝ่ายนั้น การเล่นเพลงนาจะเล่นกันเป็นกลอนสดหรือกลอนปฏิภาณ ผู้เล่นจะต้องมีสติปัญญาและไหวพริบดี การเล่นไม่มีดนตรีใด ๆ ประกอบ ลักษณะบทกลอนที่ใช้เป็นกลอนสิบคือวรรคหนึ่ง ๆ นิยมบรรจุให้ได้ ๑๐ คำ แต่อาจยืดหยุ่นเป็น ๘-๑๑ คำก็ได้ กลอนเพลงนาจะบังคับคณะ โดยให้กลอนสามวรรคเป็น "หนึ่งลง" กลอนหกลงเป็น "หนึ่งลาง" คือจบ ๑ กระทู้ เว้นแต่บทไหว้พระ ซึ่งจะจบเพียงสามลงเท่านั้น คือไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สำห...

ลูกลม (กังหันลม) (อ่านว่า ลูก-ลม)

  ลูกลม (กังหันลม) (อ่านว่า ลูก-ลม) ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ตรัง อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. ใบลูกลม ใช้ใบมะพร้าว หรือกาบหมาก หรือใบเตย เลือกชนิดใดชนิดหนึ่งแล้วเฉือนใบให้ได้ขนาดกว้าง ๐.๕ นิ้ว ยาว ๔ นิ้ว บิดปลายทั้งสองให้เฉเล็กน้อยไปคนละทาง ตรงกลางใบลูกลมทำรูไว้เสียบหลอดสำหรับสวมเดือย ๒. หลอดลูกลม อยู่ตรงกลางของใบลูกลม สำหรับใส่ไม้ลูกลม และต้องหลวมเพื่อให้ใบลูกลมหมุนได้สะดวก ๓. ไม้ลูกลม ใช้สวมลงในเดือยให้ตั้งฉาก ๔. หางลูกลม นิยมทำด้วยทางระกำทั้งใบ ผูกติดกับไม้ลูกลม ๕. ลูกร้อง ใส่ลูกร้องตรงปลายใบลูกลมทั้ง ๒ ข้าง ลูกร้องทำด้วยไม้ไผ่มีรูที่เนื้อไม้บางที่สุด ตกแต่งปากลูกร้องด้วยชัน วิธีการเล่น หลังจากประกอบทำลูกลมเสร็จแล้ว จะนำลูกลมไปเสียบผูกไว้บนยอดไม้สูง ๆ เพื่อให้รับลมได้เต็มที่ ลูกลมจะหมุนและส่งเสียงร้องได้ยินไปไกล บางครั้งมีการแข่งขันการวิ่งลูกลมโดยถือลูกลมวิ่งฟังเสียงดูว่าลูกลมอันไหน เสียงดังไพเราะ ลูกลมที่ถือว่าเสียงดีไพเราะจะต้องมีเสียงกลมและมีใยเสียง โอกาสและเวลาที่เล่น ชาวบ้านนิยมเล่นลูกลม หลังจากเก็บข้าวเสร็จแล้ว ในฤดูร้อนเพราะว่างจากการทำงาน พื้นดินแ...

หมากขุม

  หมากขุม ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  นครศรีธรรมราช อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ในการเล่น ๑). รางหมากขุม เป็นรูปเรือทำจากไม้ ยาวประมาณ ๑๓๐ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๒๐ เซนติเมตร มีหลุมเรียงเป็น ๒ แถว หลุมกว้างประมาณ ๗ เซนติเมตร ลึกประมาณ ๔ เซนติเมตร มีด้านละ ๗ หลุม เรียกหลุมว่า เมือง หลุมที่อยู่ปลายสุดทั้งสองข้างเป็นหลุมใหญ่กว้างประมาณ ๑๑ เซนติเมตร เรียกว่า หัวเมือง ๒) ลูกหมาก นิยมใช้ลูกสวดเป็นลูกหมาก ใส่ลูกหมากหลุมละ ๗ ลูก จึงต้องใช้ลูกหมาก ในการเล่น ๙๘ ลูก ๓) ผู้เล่นมี ๒ คน วิธีการเล่น ๑) ผู้เล่นนั่งคนละข้างกับรางหมากขุม แต่ละคนใส่ลูกหมากหลุมละ ๗ ลูก ทั้ง ๗ หลุม ส่วนหลุมหัวเมืองไม่ต้องใส่ให้เว้นว่างไว้ ๒) การเดินหมาก ผู้เล่นจะเริ่มเดินพร้อมกันทั้ง ๒ ฝ่าย เรียกว่า แข่งเมือง โดยหยิบลูกหมากจากหลุมเมืองของตนหลุมใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะหยิบหลุมสุดท้ายของฝ่ายตนเอง เพราะคำนวนว่าเม็ดสุดท้ายจะถึงหัวเมืองของตนพอดี การเดินหมากจะเดินจากขวาไปซ้าย โดยใส่ลูกหมากลงในหลุม ถัดจากหลุมเมืองที่หยิบลูกหมากขึ้นมาเดิน ใส่ลูกหมากหลุมละ ๑ เม็ด รวมทั้งใส่หลุมหัวเมืองฝ่ายตนเอง แล้ววนไปใส่หลุมของฝ่...

เป่ากบ

  เป่ากบ เป่ากบ : การละเล่นของเด็ก ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  นราธิวาส อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. ยางวง (ยางเส้น) วงใหญ่ หรือวงเล็กก็ได้ แล้วแต่ความชอบและความถนัด ๒. ผู้เล่นจำนวนตั้งแต่ ๒ คน หรือมากกว่า เล่นทั้งเด็กชายและเด็กหญิงบางครั้งอาจเล่นเป็นทีมก็ได้ ๓. สถานที่ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ วิธีการเล่น เป่ากบเป็นการเล่นอย่างหนึ่งของเด็ก เล่นกันทั้งเด็กชายและหญิง ผู้เล่นมีจำนวน ๒ คน หรือเป็นทีมก็ได้ สถานที่เล่น ในที่ร่ม ใช้พื้นที่เรียบ ๆ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ ซึ่งผู้เล่นจะเอายางเส้น (ยางวง) จะเป็นวงเล็กหรือวงใหญ่ หรืออาจจะเป็นวงสีต่าง ๆ อยู่ที่ความชอบ ได้แก่ สีเขียว สีแดง สีน้ำตาล เป็นต้น นำมาวางบนพื้นคนละ ๑ เส้น ให้อยู่ห่างกันประมาณ ๑ ฟุต ผู้เล่นจะผลัดกันเป่ายางเส้น (ยางวง) ของตนไปข้างหน้าทีละน้อย ๆ จนยางเส้นทั้งสองมาอยู่ใกล้กันผุ้เล่นคนใดเป่าให้ยางเส้นของตนไปทับยางเส้น ของฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะเป็นผู้ชนะ ฝ่ายแพ้จะต้องจ่ายรางวัลให้กับผู้ชนะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยางเส้น (ยางวง) แต่อาจให้รางวัลอื่น ๆ ก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน โอกาสหรือเว...

ร็องแง็ง

  ร็องแง็ง ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ปัตตานี อุปกรณ์และวิธีการเล่น เครื่องดนตรีประกอบการเล่นร็องแง็งมี รำมะนา ฆ้อง ไวโอลิน เดิมมีเพียง ๓ อย่าง ต่อมาเพิ่มกีต้าร์ การเล่นร็องแง็ง เดิมนิยมเต้นกันในหมู่บ้านขุนนางไทยมุสลิม และแพร่หลายมาสู่ชาวบ้าน โดยอาศัยการแสดงมะโย่ง ร็องแง็งจะเต้นช่วงพักการแสดงมะโย่ง ซึ่งจะพัก ๑๐ - ๑๕ นาที เมื่อดนตรีร็องแง็งขึ้น ฝ่ายหญิงที่แสดงมะโย่งจะลุกขึ้นเต้นจับคู่กันเองและเพื่อให้เกิดความสนุก สนานยิ่งขึ้นจึงได้เชิญผู้ชายซึ่งเป็นผู้ชมเข้ามาร่วมวงด้วย ต่อมามีการจัดตั้งคณะร็องแง็งแยกต่างหากจากมะโย่ง ปัจจุบันการเต้นร็องแง็ง ผู้เต้นประกอบด้วยชาย - หญิงฝ่ายละ ๕ คน โดยเข้าแถวแยกเป็นชายแถวหนึ่ง หญิงแถวหนึ่ง ยืนห่างกันพอสมควร ความสวยงามของการเต้นร็องแง็งอยู่ที่ลีลาการเคลื่อนไหวของเท้า มือ ลำตัวและลีลาการร่ายรำ ตลอดจนการแต่งกายของคู่ชาย – หญิงและความไพเราะของเสียงดนตรี โอกาสหรือเวลาที่เล่น เดิมร็องแง็งแสดงในการต้อนรับแขกเมืองในงานพิธีต่าง ๆ ต่อมานิยมแสดงในงานรื่นเริง เช่น งานประจำปี ฯลฯ คุณค่า/แนวคิด/สาระ ร็องแง็งเป็นศิลปะชั้นสูงที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยท...

ตาหยี

ตาหยี ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ยะลา ตาหยีเป็นการละเล่นของเด็ก ๆ ทั้งหญิงและชาย นิยมเล่นกันมาประมาณ ๒๐๐ ปีเศษมาแล้ว เป็นการละเล่นที่มีการแข่งขันกันมีแพ้มีชนะขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละ ฝ่าย อุปกรณ์และวิธีการเล่น ไม้ไผ่ เมล็ดทุเรียนขนาดใหญ่ และเชือก เมล็ดทุเรียนนิยมเก็บมาไว้ประมาณ ๔ - ๕ วัน เพื่อให้เมล็ดเหี่ยว เหนียว และทนทาน ส่วนเชือกนิยมใช้เถาวัลย์ชนิดหนึ่ง เรียกว่า เมื่อย เอามาใช้ทำเดือย วิธีการเล่น ประกอบด้วยเครื่องเล่น คือ ทั้งสองฝ่ายเอาเมล็ดทุเรียนของตนมาเจาะด้วยไม้แหลมที่ด้านปลายเมล็ด เจาะให้ทะลุถึงกันแล้วร้อยเชือกไว้ เอาไม้ไผ่มาผ่าซีกขนาดพอเหมาะ โดยใช้ไม้ไผ่ช่วงระหว่างข้อต่อของลำไม้ไผ่ เฉือนให้ด้านหนึ่งป้านและคม ส่วนอีกด้านหนึ่งแหลมคม ส่วนนี้เรียกว่าเขาหรือตานุ บ้างก็นิยมทำตานุด้วยงาช้าง เขาควาย หรือเหล็กก็มี และส่วนที่แหลมคมนี้เองใช้ปักหรือตัดเมล็ดทุเรียนของคู่ต่อสู้ได้ ดังนั้นต้องเอาด้านแหลมของตานุ เสียบเมล็ดทุเรียนตามยาว (ดังภาพ) เมื่อทั้งสองฝ่ายเตรียมอุปกรณ์ของตนเองพร้อมแล้ว ก็จะลองความคมของตานุ โดยหมุนตีเม็ดทุเรียนดูก่อน มักนิยมเล่นบนพื้นทรายก่อนเล่นมีการ...

กลองดิน

 กลองดิน ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  ลำปาง อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. เสียม ๒. แผ่นโลหะ เช่น ฝาปี๊บ ฝาหม้ออะลูมิเนียม แผ่นสังกะสี ๓. สายเสียง ทำจากเถาวัลย์หรือเชือก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกินครึ่งเซนติเมตร ยาวประมาณ ๑ เมตร ๔. หลักสายหรือหลักขึงสาย ทำจากกิ่งไม้ ยาวประมาณหนึ่งคืบ จำนวน ๒ หลัก ๕. หลักเสียง ทำจากกิ่งไม้ ยาวประมาณ ๑ คืบ หรืออาจยาวกว่านี้ จำนวน ๒ อัน ๖. ไม้ตี ทำจากเศษไม้หรือกิ่งไม้ ขนาดเล็กกว่านิ้วมือ ยาวพอเหมาะจำนวน ๒ อัน วิธีทำ ๑. ขุดดินให้ปากหลุมกว้างประมาณ ๑ คืบ หรือเล็กกว่านี้ก็ได้ ความลึกไม่น้อยกว่า ๑ คืบ และให้ก้นหลุมมีความกว้างเป็นสองเท่าของปากหลุม ๒. นำฝาปี๊บหรือฝาหม้อปิดปากหลุม ๓. ขึงหลักสายให้ห่างจากปากหลุมประมาณ ๑ คืบ อีกหลักหนึ่งห่างออกไปประมาณ ๒ คืบ หรืออาจมากน้อยกว่านี้ก็ได้ โดยมีหลักการอยู่ว่าต้องห่างจากปากหลุมไม่เท่ากัน ๔. นำฝาหม้อ ฝาปี๊บ หรือแผ่นสังกะสีปิดปากหลุม ๕. เอาเถาวัลย์ขึงกับหลักสาย ไม่ต้องดึง ให้หย่อนพอที่จะเอาหลักเสียงสอดได้ ๖. เอาหลักเสียงสอดเข้ากับสาย โดยให้หลักเสียงตั้งอยู่บนฝาหรือแผ่นโลหะค้ำสายเสียงหรือเถาวัลย์ไว้ ...

เพลงปรบไก่

  เพลงปรบไก่ ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  นครปฐม เพลงปรบไก่ เป็นการละเล่นบ้านของชาวบ้านจังหวัดนครปฐม ซึ่งมีเล่นอยู่ที่ ตำบลสระกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ผู้ที่เป็นแม่เพลง ในการเล่นเพลงปรกไก่ ชื่อนางกุหลาบ เครืออยู่ อยู่บ้านเลขที่ ๑๖ หมู่ที่ ๘ ตำบลสระกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม อุปกรณ์และวิธีการเล่น เริ่มต้นด้วยผู้เล่นเพลงปรบไก่ประมาณ ๑๐ คน นั่งยอง ๆ ลง ตรงบริเวณลานหน้าบ้านหรือลานวัดหรือหน้าศาลเจ้าที่มาแก้บน พนมมือ แล้วแม่เพลงจะร้องบทไหว้ครู โดยแม่เพลงร้องนำแล้วลูกคู่ตามทีละวรรค เมื่อจบบทไหว้ครูแล้วจะลุกขึ้นยืนเป็นวงกลม แล้วเริ่มร้องเพลงปรบไก่โดยแม่เพลง หรือพ่อเพลงจะเป็นผู้ร้องลูกคู่จะปรบมือเป็นจังหวะ และในตอนจบบทลูกคู่จะร้องเพลงรับว่า "ฉา ตะละลา ฉาฉา ฉาฉา ชะ" แล้วร้องทวนวรรคสุดท้ายที่จบบทด้วยในขณะที่ร้องเพลงทุกคนจะเดินช้า ๆ เข้าจังหวะที่ปรบมือเดินเป็นวงไปเรื่อย ๆ เนื้อร้องเพลงปรบไก่บทหนึ่งจะมี ประมาณ ๓-๔ บท และลูกคู่จะต้องรับทุกบท เมื่อจบบทของทำนองเพลงปรบไก่ ๓-๔ บท ทุกคนก็จะหยุดเดินและแม่เพลงหรือพ่อเพลงก็จะร้องส่งเพลง โดยจะร้องจากเนื้อหาของวรรณคดีเรื่องต่...

การเล่นโม่ง

 การเล่นโม่ง ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  กาญจนบุรี วิธีการเล่น ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น และแบ่ง ๒ ฝ่าย ชาย หญิง ดังนี้ ๑. การเล่นโม่งให้ สมมุติฝ่ายชาย ๑ คน เรียกว่าเป็นตัวโม่ง เมื่อเริ่มเล่นก็จะวิ่งไล่จับฝ่ายหญิงคนใดคนหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดรอบ ๆ บริเวณพื้นที่เล่นใต้ร่มไม้หรือใต้ถุนบ้าน เมื่อตัวโม่งจับฝ่ายหญิงได้แล้ว จะเอามือทุบหลังฝ่ายหญิงเบา ๆ แล้วพูดว่า "โม่ง" พร้อมกับบอกชื่อฝ่ายชายคนที่ตนต้องการให้ฝ่ายหญิงมาโม่งต่อ เมื่อฝ่ายหญิงทราบชื่อฝ่ายชายแล้วก็ช่วยกันไล่จับและโม่งหลังชาย พร้อมกับบอกชื่อหญิงฝ่ายตนแล้วผลัดกันเป็นตัวโม่งกันไปเรื่อย ๆ ๒. การเล่นโม่งติด วิธีการเล่นแบ่งเป็น ๒ ฝ่ายเช่นเดียวกัน เมื่อฝ่ายไหนเป็นตัวโม่งก็จะพยายามดึงฝ่ายตรงข้ามให้หลุดออกมา ๑ คน (ในขณะที่ฝ่ายนั้นก็จะพยายามติดตัวกันไว้อย่างเหนียวแน่นมิให้หลุดแยกออก เป็นคนเดียวได้) เมื่อฝ่ายเป็นตัวโม่งพยายามดึงหลุดออกมาได้แล้วก็จะใช้มือทุบหลังและพูดคำ ว่า "โม่ง" เช่นกัน บุคคลนั้นก็จะเป็นตัวโม่งและฝ่ายของตนก็จะช่วยกันดึงฝ่ายตรงข้ามให้หลุดออก มาและโม่งกันเรื่อยไป จนกว่าจะตกลงกันว่าเล...

เพลงระบำหรือเพลงระบำ(บ้านนา)

 เพลงระบำหรือเพลงระบำ(บ้านนา) ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  นครนายก อุปกรณ์ และวิธีการเล่น อุปกรณ์การเล่น เพลงระบำ(บ้านนา) ไม่มีอุปกรณ์การเล่น ใช้การปรบมือเป็นจังหวะเท่านั้น วิธีการเล่น ๑. ผู้เล่นแบ่งเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เรียกว่าพ่อเพลงและแม่เพลง มีลูกคู่ประมาณ ๒-๕ คนขึ้นไป ๒. เริ่มร้องโดยมีเนื้อหาในการดำเนินเรื่องเป็นชุด ๆ ตั้งแต่ไหว้ครูชาย เกริ่นชวนหญิงออกมารำ แม่เพลงไหว้ครู เริ่มว่าบทแต่งตัว ซึ่งหมายความว่าจะออกไปพบ จากนั้นจึงร้องโต้ตอบกันไปอาจมีบทเบ็ดเตล็ด เช่น แฝง(แขวง) นา ไก่ ปรุงอาหาร เกวียน หรือเล่นเป็นเรื่องราว เช่น สิงหไตรภพ สังข์ทอง เป็นต้น เมื่อจะจบมีบทลาจาก ๓. ขณะเล่นมีการร้องเพลงและปรบมือให้จังหวะขอลูกคู่และจะร้องรับว่า แถวรำเจ้าเอย รำเอย รำแน่ะ ไม้ลาย เขารำงามเอย พ่อเพลงฝ่ายชายร้องลูกคู่ชายจะรับสอดว่าชาไว้ ส่วนลูกคู่หญิงมักรับว่า ฉาดซา หรือ ชาไว้ โอกาสที่เล่น นิยมเล่นในงานตรุษสงกรานต์ งานสารท งานบวช และงานรื่นเริงอื่น ๆ เวลาที่เล่นตั้งแต่เวลา ๒๐.๐๐ นาฬิกาขึ้นไป คุณค่า/แนวคิด ผู้เล่นได้รับความสนุกสนาน ฝึกปฏิภาณไหวพริบ สร้างความรัก สามัคคีใ...

ชักเย่อ

  ชักเย่อ ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  ฉะเชิงเทรา อุปกรณ์การเล่นและวิธีการเล่น วิธีการเล่น แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่าย ๆ ละกี่คนก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน เมื่อแบ่งพวกได้แล้วก็ขีดเส้นแบ่งแดน หัวแถว (ถ้าเป็นชายเรียกพ่อหลัก ถ้าเป็นหญิงเรียกแม่หลัก) ของทั้งสองฝ่ายเหยียดแขนจับไม้ยึดแนวขนานกับพื้นทั้งสองมือ ไม้จะนอนขนานกับเส้นแบ่งแดน ลูกน้องของแต่ละฝ่ายเกาะเอวหัวแถวเรียงต่อ ๆ กัน เริ่มเล่นต่างฝ่ายพยายามดึงให้ฝ่ายตรงข้ามหลุดล้ำเข้ามาในแดนตน ฝ่ายใดหลุดล้ำถือเป็นฝ่ายแพ้ เมื่อแพ้ทั้งสองฝ่ายก็จะเริ่มต้นเล่นเพลงระบำกัน พอจบก็เริ่มชักเย่อกันใหม่ โอกาสที่เล่น ชักเย่อเป็นการละเล่นประกอบเพลงระบำเช่นเดียวกันช่วงรำ ที่ชาวบ้านหัวสำโรงเล่นในวันสงกรานต์เช่นกัน คุณค่า ในอดีตกิจกรรมที่สามารถเป็นสื่อชักนำให้หนุ่มสาวได้มาพบกัน ก็คืองานบุญและการละเล่นหลังทำบุญการเล่นชักเย่อก็เช่นกัน ทำให้หนุ่มสาวได้พบหน้าเกี้ยวพาราสีและสนุกสนานด้วยกัน แต่ปัจจุบันคนหนุ่มสาวมีโอกาสพบกันโดยไม่มีข้อจำกัด

หลุมเมือง

  หลุมเมือง ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  ปราจีนบุรี อุปกรณ์และวิธีการเล่น วิธีเล่น ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่คนละข้างหลุม (จำนวนหลุมมีไม่จำกัด) ตกลงกันว่าจะกองทุนคนละเท่าใด เอาเบี้ยหรือสิ่งอื่นใช้แทนเบี้ยมารวมกัน แล้วหยอดใส่หลุมไว้หลุมละเท่าๆ กันแต่ หลุมหน้าผู้เล่นทั้งสองต้องมากกว่าหลุมอื่น ซึ่งเรียกว่า หลุมเมือง เมื่อเริ่มเล่นฝ่ายใดเริ่มก่อนจะหยอดเบี้ยใส่หลุมไปเรื่อยๆ ตามลำดับจนหมดเบี้ย เมื่อหมดเบี้ยในมือก็หยิบเอาเบี้ยในหลุมถัดไปหยอดต่อทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบหลุมว่าง ผู้เล่นคนแรกจึงมีสิทธิกินเบี้ยทั้งหมดในหลุมถัดไป (ถัดจากหลุมว่าง) ผู้เล่นคนที่สองก็จะดำเนินการเล่นเหมือนคนแรก เมื่อพบหลุมว่างและกินเบี้ยหลุมถัดไป จึงผลัดกันเล่นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดทุนเลิกไป ผู้อื่นก็จะมาเล่นแทน โอกาสหรือเวลาที่เล่น นิยมเล่นในเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลสงกรานต์ ในปัจจุบันไม่ค่อยมีผู้ใดรู้จัก แต่ก็ยังมีการเล่นอยู่บ้างในเขตตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี คุณค่า/แนวคิด/สาระ ลักษณะการเล่น เล่นเชิงพนันขันต่อ และเพลิดเพลินกับบรรยากาศในเทศกาลนั้นๆ มิได้คำนึงถึงเวลาหรือกังวลภา...

เพลงเป๋

  เพลงเป๋ ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  ระยอง อุปกรณ์และวิธีเล่น เพลงเป๋ เป็นการละเล่นพื้นบ้านอย่างหนึ่งของชาวบ้านเก่า ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เพลงเป๋มีลักษณะคล้ายเพลงอีแซวหรือเพลงฉ่อยของภาคกลาง แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว ทำนองและสำเนียงการร้องต่างออกไป ตามประวัติกล่าวไว้ว่า ผู้นำเพลงมาเผยแพร่เป็นคนขาเป๋ ชาวบ้านเลยเรียกกันว่า เพลงเป๋ การเล่นเพลงเป๋จะแบ่งผู้เล่นเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ร้องเกี้ยวพาราสีกัน ไม่มีดนตรีประกอบ มีแต่เสียงปรบมือให้จังหวะ แต่งกายคล้ายลำตัด โอกาสหรือเวลาที่เล่น สถานที่เล่นอาจเป็นบนเวที หรือลานวัด หรือลานกลางหมู่บ้านก็ได้ การเล่นเพลงเป๋มีบทเล่น เช่น บทไหว้ครู บทชมโฉม บทชวนหนี เป็นต้น ปัจจุบันเพลงเป๋ขาดการสืบสานต่อ โอกาสที่จะเล่นเพลงเป๋ก็มีน้อยเต็มทีแล้ว วิถีชีวิตได้เปลี่ยนจากสังคมเกษตรเป็นสังคมอุตสาหกรรม เพลงเป๋จึงเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เพียงแต่นำมาเล่นในบางโอกาส เป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น คุณค่า/แนวคิด/สาระ ผู้เล่นและผู้ชมได้รับความสนุกสนาน กระบวนการเล่นเป็นการเสริมสร้างความสามัคคี ความรักพวกพ้อง นอกจากนี้ยังเป็นการอนุรั...

การแข่งขันวัวลาน

  การแข่งขันวัวลาน ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  เพชรบุรี อุปกรณ์และวิธีการเล่น การแข่งขันวัวลานนี้ ชาวบ้านจะนำวัวมาวิ่งแข่งกันเป็นวงกลมในลานที่กำหนด โดยมีเสาเกียดซึ่งปักอยู่กลางถนนเป็นศูนย์กลาง ผูกเชือกพรวนของวัวแต่ละตัวเรียงกันตามลำดับ จากในเสาเกียดออกมาถึงริมลาน รวมจำนวน ๑๙ ตัว ซึ่งเจ้าของพวงวัวแต่ละพวงก็จะตระเตรียมวัวของตนมาทั้งวัวนอกและวัวในหรือ วัวรอง วัวรองหรือวัวใน จะมีทั้งหมด ๑๘ ตัว เป็นส่วนใหญ่ เจ้าของพวงวัวจะผูกวัวตามเชือกพรวนจากเสาเกียดกลางลานออกมา ตัวที่ฝีเท้าจัด แข็งแรง จะอยู่ด้านริมเชือกพรวน เป็นตัวที่ ๑๖, ๑๗, ๑๘ เพื่อเอาไว้วิ่งแข่งกับวัวนอกของพวงอื่นที่จะนำมาทาบประกบเป็นตัวที่ ๑๙ วัวนอก คือ วัวตัวที่เจ้าของพวงวัวถือว่าเก่งที่สุด มีกำลังมากและฝีเท้าจัด จะนำมาทาบกับวัวในของพวงวัวอื่น ผูกทับเป็นตัวที่ ๑๙ อยู่นอกสุดของลานเพื่อจะได้วิ่งแข่งกันเอาชนะวัวรองให้ได้ในการแข่งขันแต่ละ เปิด ซึ่งแน่นอนว่าวัวตัวนอกสุดที่เรียกว่าวัวนอกนี้จะเป็นวัวที่ต้องวิ่งทำระยะ ทางไกลที่สุดและมีฝีเท้าจัดที่สุด ถ้าวัวนอกวิ่งแซงวัวรองได้แล้วสามารถลากวัวรองตามไปอย่างไม่เป็นขบวนจนดิ้น...

บ่าขี้เบ้าทราย

 บ่าขี้เบ้าทราย ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  น่าน อุปกรณ์ ๑. กองทราย ๒. ลูกขี้เบ้าทราย ลูกขี้เบ้าทำมาจากทรายที่ละเอียดพอควร หากเป็นทรายหยาบมักจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร ลูกขี้เบ้ามี วิธีทำ ๑.๑ นำทรายที่ละเอียดพอมาหนึ่งกำมือ เอาน้ำใส่ในทราย พอปั้นเป็นรูปกลม ๆ ได้ น้ำไม่ควรมากเกินและน้อยเกินไป เพราะการปั้นทรายให้เป็นรูปกลม ๆ ต้องใช้น้ำให้พอเหมาะ ๑.๒ พอปั้นทรายให้เป็นรูปกลม ๆ แล้ว นำทรายนั้นมาคลุกกับทรายอีกจนแข็ง หาก ทำให้เนื้อทรายผิวนอกเกิดสีผิวคล้ำเข้มกว่าผิวปกติ จะแข็งมากกว่าลูกอื่น ๆ และจะให้แข็งขึ้นไปอีกก็ต้องนำไปฝังดินหรือทรายให้นานกว่า ๔ - ๕ วันขึ้นไป วิธีการเล่นลูกขี้เบ้า มีอยู่ ๒ วิธี คือ ๑. เล่นแบบ ๒ ลูก คือ ในกองทรายให้ขุดหลุมลงไปให้มีทางยาวเป็นหนึ่งทาง ให้ตรงกลางหลุมลึกกว่าตรงปลายหลุม แล้วให้ลูกขี้เบ้าของเด็กสองคนมาชนกัน หากใครเป็นฝ่ายแตกฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้ไปทำมาเล่นใหม่ ๒. เล่นแบบ ๔ ลูก คือ การเล่นแบบที่ ๑ แต่มีลูกขี้เบ้าทรายมากกว่า ๒ นี้ ผู้เล่นต้องขุดหลุมเป็นทางมากกว่า ๑ ทางขึ้นไป เช่น เล่นแบบ ๔ ลูก ผู้เล่นก็มี ๔ คน ลูกขี้เบ้าคนละลูก ขุดหลุมทรายออกให้เป...

เบี้ยขี่โก่ง

  เบี้ยขี่โก่ง ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด     ตาก สถานที่เล่น ลานกว้าง อุปกรณ์ เบี้ย ก้อนหินที่มีลักษณะแบน จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่น ๑. ขุดหลุมให้พอเหมาะกับเบี้ย ๑ หลุม และขีดเส้นใต้ห่างจากหลุมให้พอเหมาะ ๒. ถ้าผู้เล่นมีไม่ครบคู่ให้เล่นคี่ก็ได้ ๓. จุดโยนเบี้ยต้องห่างจากหลุมไม่ต่ำกว่า ๕ เมตร ๔. ผู้เล่นต้องโยนหินให้ใกล้หลุมมากที่สุดหรือลงหลุมเลยก็ได้ ๕. ผู้ที่โยนเบี้ยไกลที่สุดจะถูกคนที่ใกล้หลุมมากที่สุดเก็บเบี้ยขึ้นมาแล้วโยน จากหลุมให้ข้ามเขต ๕ เมตร แล้วโยนเบี้ยให้ถูกคนที่อยู่ไกลหลุม ๖. ถ้าถูกคนนั้นก็จะขี่หลังของคนที่ตีเบี้ยโดนนั้น แล้วโยนหินบนหลังนั้นให้เข้าหลุมก็ได้ หรือไม่เข้าก็ต้องตีโดนเบี้ยนั้นให้ได้ ๗. ถ้าโยนไม่ถูก คนที่ได้ขี่หลังก็จะถูกคนที่ขี่หลังเก็บเบี้ยของตนแล้วมาตีให้ถูกเบี้ยของคน นั้นให้ได้ ถ้ายังไม่ถูกคนที่เหลือก็จะต้องตีให้ถูกหินของใครก็ได้แล้วคนที่ขี่หลังโยน หินต่อ แต่ถ้าไม่โดนสักคนก็เริ่มต้นใหม่ โอกาส เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เด็ก ๆ เล่นกันโดยทั่วไป

ปั่นหนังว้อง

  ปั่นหนังว้อง ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  กำแพงเพชร อุปกรณ์และวิธีเล่น การปั่นหนังว้อง คือการปั่นยางวงที่ใช้รัดของ เป็นการเล่นของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายเล่นโดยการจับคู่เล่นบนพื้นราบที่ ไม่สกปรก เช่น พื้นเรือน หรือบนโต๊ะ อุปกรณ์ที่ใช้คือ ยางรัดของจำนวนมากน้อยเท่าที่หาได้กติกาการเล่นมีอยู่ว่า หากผู้เล่นฝ่ายใดสามารถคลายยางรัดของออกจากกันเป็นเส้นปกติได้ ก็จะได้ยางรัดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ วิธีเล่น เริ่มจากการนำยางรัดของมาคนละเส้นประกบกันแล้วให้ฝ่ายหนึ่งใช้ส้นมือถูยาง รัดของที่ประกบกันนั้นโดยแรงให้ยางรัดทั้งสองเส้นบิดตัวพันกันจนแน่น แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งพยายามแกะให้คลายออกจากกัน ถ้าทำได้สำเร็จจะได้ยางรัดของไปเป็นของตน ถ้าทำไม่สำเร็จจะต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งทำแทน ผลัดกันเช่นนี้ไปจนกว่าจะมีผู้ทำสำเร็จ เมื่อเสร็จแล้วก็เริ่มต้นใหม่ไปเรื่อยๆ โอกาสหรือเวลาที่เล่น เป็นการละเล่นที่ใช้เล่นในยามว่าง คุณค่า / แนวคิด / สาระ การเล่นปั่นหนังว้อง เล่นได้ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง พ่อแม่สามารถให้ลูกเล่นในบ้านและคอยสังเกตพฤติกรรม นิสัยใจคอของลูก หากพบความผิดปกติจะแก้ไขได้ทันท่วงที นอกจากนี้ย...

ไก่ชน

 ไก่ชน   การชนไก่ หรือ ตีไก่ คือ การที่ไก่ตัวผู้สองตัวมาต่อสู้กันจนแพ้กัน การชนไก่เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคสมัยใดนั้นไม่สามารถสันนิษฐานได้ แต่มีผู้สันทัดกรณีบางท่านสันนิษฐานว่า แหล่งกำเนิดน่าอยู่ในทวีป เอเชียเพราะประเทศต่าง ๆ ในเอเซียนิยมเล่นไก่กันอย่างแพร่หลาย เช่น ไทย ลาว พม่า เขมร เวียดนาม จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดเนียเซีย เป็นต้น อีกทั้งการพบรูปสลักหินแสดงการชนไก่ที่ปราสาทหินนครวัดในประเทศกัมพูชาที่มี อายุเก่าแก่มากกว่าพันปี แสดงว่าการชนไก่มีมานานแล้ว ไก่จนที่แท้จริงต้องเป็นไก่ที่สืบเชื้อสายมาจากไก่อู ซึ่งมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในประเทศอินเดีย และไก่อูนี้เป็นเชื้อสายของไก่พันธุ์พื้นเมืองที่มีเชื้อสายมาจากไก่ป่า ไก่อูเป็นไก่ที่มีลักษณะพิเศษหลายอย่าง เช่น รูปร่างสง่า ปราดเปรียวว่องไว โครงกระดูกใหญ่แข็งแรง เนื้อแน่น นิสัยดุร้าย หากินเก่ง และ ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ไก่ชนิดนี้จะตรงกับตำราว่า ” อกชั้น บั้นชิด หงอนปิด ( หงอนหิน ) ปากร่อง ” ซึ่งเป็นตำราว่าด้วยลักษณะไก่ชนที่ดี และต้องเป็นสีประจำพันธุ์ดั้งเดิม คือ สีประดู่หางขาว สีเขียวปีกแมลงภู่และสีเหลืองเท่านั้น การเล่นไก่ขนขอ...