ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เพลงปรบไก่

 เพลงปรบไก่

ภาค     ภาคกลาง
จังหวัด  นครปฐม
เพลงปรบไก่ เป็นการละเล่นบ้านของชาวบ้านจังหวัดนครปฐม ซึ่งมีเล่นอยู่ที่ ตำบลสระกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ผู้ที่เป็นแม่เพลง ในการเล่นเพลงปรกไก่ ชื่อนางกุหลาบ เครืออยู่ อยู่บ้านเลขที่ ๑๖ หมู่ที่ ๘ ตำบลสระกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
อุปกรณ์และวิธีการเล่น
เริ่มต้นด้วยผู้เล่นเพลงปรบไก่ประมาณ ๑๐ คน นั่งยอง ๆ ลง ตรงบริเวณลานหน้าบ้านหรือลานวัดหรือหน้าศาลเจ้าที่มาแก้บน พนมมือ แล้วแม่เพลงจะร้องบทไหว้ครู โดยแม่เพลงร้องนำแล้วลูกคู่ตามทีละวรรค เมื่อจบบทไหว้ครูแล้วจะลุกขึ้นยืนเป็นวงกลม แล้วเริ่มร้องเพลงปรบไก่โดยแม่เพลง หรือพ่อเพลงจะเป็นผู้ร้องลูกคู่จะปรบมือเป็นจังหวะ และในตอนจบบทลูกคู่จะร้องเพลงรับว่า "ฉา ตะละลา ฉาฉา ฉาฉา ชะ" แล้วร้องทวนวรรคสุดท้ายที่จบบทด้วยในขณะที่ร้องเพลงทุกคนจะเดินช้า ๆ เข้าจังหวะที่ปรบมือเดินเป็นวงไปเรื่อย ๆ เนื้อร้องเพลงปรบไก่บทหนึ่งจะมี ประมาณ ๓-๔ บท และลูกคู่จะต้องรับทุกบท เมื่อจบบทของทำนองเพลงปรบไก่ ๓-๔ บท ทุกคนก็จะหยุดเดินและแม่เพลงหรือพ่อเพลงก็จะร้องส่งเพลง โดยจะร้องจากเนื้อหาของวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ เช่น สังข์ทอง พระอภัยมณี ฯลฯ ร้องเพียงสั้น ๆ บทหนึ่งขณะที่พ่อเพลงร้องบนส่งนี้ ลูกคู่ในคณะบางคนก็จะร่ายรำทำท่าไปตามเนื้อเรื่องที่ร้องจนจบบทร้องส่งก็ เรียกว่า จบ "๑ วง" แล้วก็ร้องเพลงปรบไก่แต่ละครั้งมักจะเป็นการแก้บนและการร้องครั้งหนึ่ง ๆ จะร้องสักกี่ "วง" ก็ได้
สำหรับเนื้อร้องของเพลงปรบไก่ที่เล่นกันในพื้นบ้านจะเป็นข้อความในลักษณะ เป็นการว่าโต้ตอบกันระหว่างชายหญิง ไม่ค่อยเป็นเกี้ยวพาราสี และสำนวนภาษาที่ใช้ก็จะค่อนข้างหยาบ คือจะว่ากันตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมหรือเลี่ยง เป็นแบบสองแง่สองง่ามเหมือนเพลงพื้นบ้านชนิดอื่นและเวลาร้องมักจะกระแทก เสียงห้วนสั้นในคำท้ายวรรค
ตัวอย่างเนื้อเพลงปรบไก่
แม่เพลง : เล่นเพลง ปรบไก่ มาจนหัวไหล่ ยอก
ได้เงินบาท ก็ไม่ถึง เงินสลึง ก็ไม่ออก
จะเล่นทำไม ให้หัวไหล่มันยอก
ลูกคู่รับ : เอ่ย เออ เอ่อ เอ่ย จะเล่นทำไม ให้หัวไหล่มันยอก ฉา ตะลาลา ฉ่า ฉ่า ฉ่า ฉ่า ชะ
การแต่งกาย ก็แต่งแบบพื้นบ้าน คือนุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อแขนสั้น มีผ้าคาดเอว ทั้งชายและหญิงแต่งแบบเดียวกัน
โอกาสหรือเวลาที่เล่น
สำหรับโอกาสที่เล่นเพลงปรบไก่ ในสมัยก่อนจะเป็นการเล่นเพื่อแก้บน แต่ปัจจุบันนี้ การเล่นเพลงปรบไก่ไม่ค่อยแพร่หลาย มักจะมีการเล่นโอกาสที่เป็นงานแสดงวัฒนธรรมของสถานศึกษาต่างๆ หรือ ของสถานที่ราชการที่ต้องการจะอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยไว้
คุณค่า / แนวคิด/ สาระ
เป็นการละเล่นที่ก่อให้เกิดความสนุกสนาน สามัคคี ในหมู่ประชาชนละแวกเดียวกันและเป็นการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การละเล่นพื้นบ้าน 4 ภาค: ภาคกลาง หมากเก็บ

 การละเล่นพื้นบ้าน 4 ภาค: ภาคกลาง หมากเก็บ    จำนวนผู้เล่น   2 - 4 คน วิธีเล่น ใช้ก้อนกรวดที่มีลักษณะกลมๆ 5 ก้อน เสี่ยงทายว่าใครจะเล่นก่อน โดยวิธีขึ้นร้าน คือ ถือหมากทั้งห้าเม็ดไว้แล้วโยนพลิกหงายหลังมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับอีกที ใครเหลือหินอยู่ในหินอยู่ในมือมากที่สุดคนนั้นเล่นก่อน มีทั้งหมด 5 หมาก หมากที่ 1 ทอดหมากให้ห่างๆ กัน เลือกลูกนำไว้ 1 เม็ด ควรใช้เม็ดกรวดที่ห่างที่สุด โยนเม็ดนำขึ้นแล้วเก็บทีละเม็ดพร้อมกับรับลูกนำที่หล่นลงมาให้ได้ ถ้ารับไม่ได้ถือว่า "ตาย" ขณะที่หยิบเม็ดที่ทอดนั้น ถ้ามือไปถูกเม็ดอื่นถือว่า ตาย หมากที่ 2 เก็บทีละ 2 เม็ด หมากที่ 3 เก็บทีละ 3 เม็ด หมากที่ 4 ใช้โปะ ไม่ทอด คือ ถือหมากทั้งหมดไว้ในมือ โยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้นแล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้ "ขี้นร้าน" ได้กี่เม็ดเป็นแต้มของคนนั้น ถ้าขึ้นร้านเม็ดหล่นหมด ใช้หลังมือรับไม่ได้ ถือว่า "ตาย" ไม่ได้แต้ม คนอื่นเล่นต่อไป ถ้าใครตายหมากไหนก็เริ่มต้นหมากนั้น ส่วนมากกำหนดแต้ม 50-100 แต้ม เมื่อแต้มใกล้จะครบ เวลาขึ้นร้านต้องคอยระวังไม่ให้เกินแต้มที่กำหนด ถ้าเกินไปเท่าไร หมายถึงว่าต้องเร...

การเล่นเพลงยิ้มใย

 การเล่นเพลงยิ้มใย ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  สุโขทัย เพลงยิ้มใย ปัจจุบันหาผู้ร้องได้น้อยลงทุกที ลักษณะการร้อง คือ จะมีลูกคู่ร้องสอดรับคำว่า เชียะ เชียะ เชียะ ที่ท่อนกลางของเนื้อร้องท่อนที่หนึ่งกับร้องรับทวนซ้ำสองบทหลังสอง ครั้งแล้วจึงลงคำว่า เอ๋ยแล้วเอย นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเพลงยิ้มใยสุโขทัย ไม่พบที่ใด เพลงหน้าใยของทางภาคกลางก็มีลักษณะต่างกัน แต่เรียกชื่อคล้ายกันมาก ลักษณะการเล่น เป็นการเล่นของกลุ่มหนุ่มสาว การแต่งกาย แต่งกายอย่างชาวชนบทไทยในสมัยนั้น สถานที่ (ลานวัด และหมู่บ้านที่เป็นทางเดินแห่ขบวน) วิธีเล่น ในเทศกาลตรุษ สงกรานต์ก่อนจะสรงน้ำพระจะนำพระพุทธรูปใส่เกวียนแล้วแห่รอบหมู่บ้าน จากนั้นจึงนำไปสรง เพลงยิ้มใยนี้จะร้องเล่นกันไปในระหว่างแห่พระนั่นเอง เนื้อความทำนองร้องเล่นรื่นเริงสนุกสนาน ส่วนในเทศกาลออกพรรษา ทอดผ้าป่า ทอดกฐินนั้น ก็จะร้องเล่นกันไปในขณะเดินขบวน เพลง ลักยิ้มก็ฉันเอย นะพ่อคุณเอ๋ยยิ้มใย (ลูกคู่) เชียะ เชียะ เชียะ ตัดผมเรือนนอก ทัดแต่ดอกไม้ไหว ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถิดเอย (ลูกคู่) ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถิดเอย ตัดผมเรือนนอก ทัดแต่ดอกไม้ไหว ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถ...

วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว

 วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว (การเล่นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น) การเล่นวิ่งวัวหรือที่นิยมเรียกกันในปัจจุบันว่า วิ่งเปี้ยว อาจเป็นการวิ่งทางตรงสวนกันหรือวิ่งเป็นวงกลมเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งไล่ให้ทันอีกฝ่ายหนึ่ง วัตถุประสงค์ เพื่อฝึกความเร็วและความแข็งแรง เพื่อฝึกความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อการฝึกบริหารกาย อุปกรณ์ เสา 2 หลัก ผ้าเช็ดหน้า 2 ผืน ผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเท่า ๆ กัน รูปแบบ ปักหลัก 2 ข้าง หรือใช้คนนั่งเป็นหลัก ข้างละหลัก ระยะห่างประมาณ 50 หลา ผู้เล่นยืนเข้าแถวตอนด้านหลังหลักแต่ละข้าง  วิธีการเล่น เริ่มต้นพร้อมกันทั้งสองฝ่าย โดยผู้เล่นของแต่ละฝ่ายวิ่งอ้อมหลักไล่ให้ทันกัน มือถือผ้าคนละผืนเมื่อถึงฝ่ายของตนให้ส่งผ้าให้คนต่อไป ถ้าผ้าของใครตกต้องหยุดเก็บผ้าก่อน หรือคนต่อไปเก็บผ้าและถือไว้ วิ่งต่อไป ฝ่ายไล่ทันต้องใช้ผ้าที่ถืออยู่ตีอีกฝ่ายหนึ่งจึงถือว่า ฝ่ายนั้นชนะ ข้อเสนอแนะ ผู้เล่นคนใดถูกตีต้องรำตามเพลงที่ผู้ตีร้อง