ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

บ่าขี้เบ้าทราย

  บ่าขี้เบ้าทราย ภาคเหนือ จังหวัด น่าน อุปกรณ์ ๑. กองทราย ๒. ลูกขี้เบ้าทราย ลูกขี้เบ้าทำมาจากทรายที่ละเอียดพอควร หากเป็นทรายหยาบมักจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร ลูกขี้เบ้ามี วิธีทำ ๑.๑ นำทรายที่ละเอียดพอมาหนึ่งกำมือ เอาน้ำใส่ในทราย พอปั้นเป็นรูปกลม ๆ ได้ น้ำไม่ควรมากเกินและน้อยเกินไป เพราะการปั้นทรายให้เป็นรูปกลม ๆ ต้องใช้น้ำให้พอเหมาะ ๑.๒ พอปั้นทรายให้เป็นรูปกลม ๆ แล้ว นำทรายนั้นมาคลุกกับทรายอีกจนแข็ง หาก ทำให้เนื้อทรายผิวนอกเกิดสีผิวคล้ำเข้มกว่าผิวปกติ จะแข็งมากกว่าลูกอื่น ๆ และจะให้แข็งขึ้นไปอีกก็ต้องนำไปฝังดินหรือทรายให้นานกว่า ๔ - ๕ วันขึ้นไป วิธีการเล่นลูกขี้เบ้า มีอยู่ ๒ วิธี คือ ๑. เล่นแบบ ๒ ลูก คือ ในกองทรายให้ขุดหลุมลงไปให้มีทางยาวเป็นหนึ่งทาง ให้ตรงกลางหลุมลึกกว่าตรงปลายหลุม แล้วให้ลูกขี้เบ้าของเด็กสองคนมาชนกัน หากใครเป็นฝ่ายแตกฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้ไปทำมาเล่นใหม่ ๒. เล่นแบบ ๔ ลูก คือ การเล่นแบบที่ ๑ แต่มีลูกขี้เบ้าทรายมากกว่า ๒ นี้ ผู้เล่นต้องขุดหลุมเป็นทางมากกว่า ๑ ทางขึ้นไป เช่น เล่นแบบ ๔ ลูก ผู้เล่นก็มี ๔ คน ลูกขี้เบ้าคนละลูก ขุดหลุมทรายออกให้เป็นรูปกากบาท ให้ตรงกลางหลุมลึ...
โพสต์ล่าสุด

เต้นกำรำเคียว

  เต้นกำรำเคียว ภาค   ภาคเหนือ จังหวัด   นครสวรรค์                                         เต้นกำรำเคียว เป็นการละเล่นพื้นบ้านซึ่งเกิดขึ้นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศเลิกทาส กำเนิดครั้งแรกที่บ้านสระทะเล ตำบลสระทะเล อำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยหลวงศรีบุรีขวัญ เป็นผู้ประดิษฐ์เนื้อร้อง อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ เคียวเกี่ยวข้าวกับรวงข้าว วิธีการเล่น  ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะยืนอยู่ฝ่ายละครึ่งวงกลม แต่ละคนถือเคียวเกี่ยวข้าวและรวงข้าวไว้คนละมือ เมื่อการละเล่นเริ่มขึ้น ฝ่ายชายที่เป็นพ่อเพลงเป็นผู้เต้นออกไปกลางวงตามจังหวะปรบมือของลูกคู่และร้องเพลงเชิญฝ่ายหญิงว่า มาเถิดเอย เอ๋ยละแม่มา มาหรือมาแม่มา มาเต้นกำย่ำหญ้ากันเสียในนานี้เอย แล้วแม่เพลงจะรำออกมากลางวง ร้องโต้ตอบว่า มาแล้วเอย เอยมาพ่อมา มาหรือมาพ่อมา มาหรือกระไรมาแล้ว พ่อพุ่มพวงดวงแก้ว น้องมาแล้วนายเอย ชายและหญิงจะเต้นรำคู่กันไป ผู้ยืนอยู่รอบ ๆ วงจะเป็นลูกคู่ร้องรับปรบมือและเต้นไปตามจังหวะ...

ไก่ชนมะม่วง (ป๊อกบ่าม่วง หรือการสับมะม่วง)

  ไก่ชนมะม่วง (ป๊อกบ่าม่วง หรือการสับมะม่วง) อุปกรณ์ ๑. ลูกมะม่วงขนาดหัวแม่มือ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑ นิ้ว หรือขนาดมือกำได้รอบ ๒. เชือกสำหรับร้อยมะม่วง ๓. ไม้ไผ่สำหรับทำเดือย วิธีการเล่น การเล่นไก่ชนมะม่วงจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย กี่คนก็ได้แต่แข่งขันกันทีละคู่ โดยมีวิธีการเล่นดังนี้ ๑. ใช้วิธีเสี่ยงว่าใครจะเป็นผู้เริ่มต้นสับไก่มะม่วงก่อน หรือจะใช้วิธีตกลงกันโดยกำหนดให้คนที่มีมะม่วงขนาดเล็กรับก่อน ๒. เจ้าของไก่มะม่วงจะต้องดึงเชือกให้ตึง ห้ามหย่อน ผลัดกันสับคนละครั้ง สับกันไปจนกระทั่งมะม่วงแตก ก็จะใช้ไม้ไผ่เย็บจนเย็บไม่ได้ถือว่าแพ้ หรือเชือกขาดก็ถือว่าแพ้เช่นกัน โอกาสหรือเวลาที่เล่น เป็นการละเล่นที่เล่นได้ทุกโอกาสในฤดูที่มะม่วงเริ่มออกผล

เล่นตากระโดด

  เล่นตากระโดด ภาค   ภาคเหนือ จังหวัด   ตาก สถานที่เล่น กลางแจ้ง และควรเป็นพื้นที่บริเวณกว้าง ๆ อุปกรณ์ ก้อนหิน หรือกระเบื้อง จำนวนผู้เล่น ๔ คนขึ้นไป วิธีเล่น ๑. ขีดช่องสำหรับกระโดดเป็น ๖ ช่อง ขนาดโตพอที่จะกระโดดเข้าไปยืนได้ แล้วแบ่งครึ่งช่องที่ ๓ ที่ ๕ สำหรับที่พัก และกลับหลังหัน จึงมีช่องทั้งหมด ๘ ช่อง แล้วเขียนหัวกระโหลกเล็ก ๆ ในช่องบนสุด ๒. ใช้อะไรเป็นเบี้ยก็ได้ แต่ควรเป็นของที่มีน้ำหนัก ถ้าใครโยนเข้าหัวกระโหลกที่เล็ก ๆ นั้น ก็จะได้เล่นก่อน ๓. โยนเบี้ยลงช่องที่ ๑ แล้วกระโดดขาเดียวข้ามช่องที่ ๑ เข้าไปยังช่องที่ ๒ แล้วกระโดด ๒ ขา เข้าไปในช่องที่ ๓ และ ๔ ให้เท้าข้างหนึ่งอยู่ช่องที่ ๓ อีกข้างหนึ่งอยู่ที่ช่องที่ ๔ จากนั้นกระโดดขาเดียว ต่อไปยังช่องที่ ๕ และ ๒ ขา ที่ช่องที่ ๖ และ ๗ ตามลำดับ กระโดดตัวกลับ หันหน้ากลับมาทางเดิม กระโดดขาเดียวมายังช่องที่ ๕ สองขาที่ช่องที่ ๓ และ ๔ ขาเดียวที่ช่องที่ ๒ และช่องที่ ๑ พร้อมกับก้มลงเก็บเบี้ยที่ช่องที่ ๑ จากนั้นก็กระโดดออกมา ๔. ถ้าเกิดเล่นช่องที่ ๑ แล้วก็เล่นช่องที่ ๒ โดยโยนเบี้ยให้อยู่ในช่องที่ ๒ แล้วกระโดดขาเดียวไปยังช่องที่ ๑ ข้ามช่อ...

อีหึ่ม

  อีหึ่ม ภาค   ภาคเหนือ จังหวัด   ตาก สถานที่เล่น สนามกลางแจ้ง อุปกรณ์ ไม้ยาวประมาณ ๕๐ เซ็นติเมตร และไม้ยาวประมาณ ๒๐ เซ็นติเมตร เรียกว่า ลูก อาจใช้ตะเกียบแทนก็ได้ จำนวนผู้เล่น ตั้งแต่ ๔ คนขึ้นไป ควรจะเป็นคู่กันด้วย วิธีเล่น แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่าย ๆ ละเท่ากัน เป่ายิงฉุบกันใครชนะเล่นก่อน ขุดหลุมน้อย ๆ เอาลูกพาดกลางหลุมไว้ใช้ไม้ยาว ๕๐ เซ็นติเมตร (ไม้วุด) งัดไม้ที่เป็นลูกหรือที่ยาว ๒๐ เซ็นติเมตรไปให้ไกลที่สุด แล้ววางไม้วุดปากหลุม ให้อีกฝ่ายที่ไม่ได้งัดโดยไม้ที่วุดไปให้มาถูกที่พาดไว้บนปากหลุม ถ้าวุดไม่ถูกก็ให้วุดไม้อีกครั้งจนกว่าจะถูก ถ้าถูกให้ผู้ที่เป็นฝ่ายโยนไม้มาปากหลุมแทน โอกาส เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เด็ก ๆ เล่นกันโดยทั่วไป

เบี้ยขี่โก่ง

เบี้ยขี่โก่ง ภาค   ภาคเหนือ จังหวัด   ตาก สถานที่เล่น ลานกว้าง อุปกรณ์ เบี้ย ก้อนหินที่มีลักษณะแบน จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่น ๑. ขุดหลุมให้พอเหมาะกับเบี้ย ๑ หลุม และขีดเส้นใต้ห่างจากหลุมให้พอเหมาะ ๒. ถ้าผู้เล่นมีไม่ครบคู่ให้เล่นคี่ก็ได้ ๓. จุดโยนเบี้ยต้องห่างจากหลุมไม่ต่ำกว่า ๕ เมตร ๔. ผู้เล่นต้องโยนหินให้ใกล้หลุมมากที่สุดหรือลงหลุมเลยก็ได้ ๕. ผู้ที่โยนเบี้ยไกลที่สุดจะถูกคนที่ใกล้หลุมมากที่สุดเก็บเบี้ยขึ้นมาแล้วโยนจากหลุมให้ข้ามเขต ๕ เมตร แล้วโยนเบี้ยให้ถูกคนที่อยู่ไกลหลุม ๖. ถ้าถูกคนนั้นก็จะขี่หลังของคนที่ตีเบี้ยโดนนั้น แล้วโยนหินบนหลังนั้นให้เข้าหลุมก็ได้ หรือไม่เข้าก็ต้องตีโดนเบี้ยนั้นให้ได้ ๗. ถ้าโยนไม่ถูก คนที่ได้ขี่หลังก็จะถูกคนที่ขี่หลังเก็บเบี้ยของตนแล้วมาตีให้ถูกเบี้ยของคนนั้นให้ได้ ถ้ายังไม่ถูกคนที่เหลือก็จะต้องตีให้ถูกหินของใครก็ได้แล้วคนที่ขี่หลังโยนหินต่อ แต่ถ้าไม่โดนสักคนก็เริ่มต้นใหม่ โอกาส เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เด็ก ๆ เล่นกันโดยทั่วไป

ยก

 ยก ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  ตาก อุปกรณ์ หนังยาง วิธีการเล่น ๑. แบ่งผู้เล่นออกเป็นทีม ทีมละ ๓ คนขึ้นไป ๒. นำหนังยางมาร้อยให้เป็นเส้นยาวพอสมควร ๓. ทำการเป่ายิงชุบ เพื่อหาว่าทีมไหนแพ้จะเป็นคนจับหนังยางยกเป็นทีมแรก ๔. ขั้นแรก ให้นำเข่าติดกับพื้นมือทั้งสองจับหนังยางพร้อมทั้งยกก้นและ ชูมือให้สุด เพื่อให้ทีมตรงข้ามโดดไม่ผ่าน (ในการเล่นแต่ละขั้นถ้ากระโดดผ่านจะได้เล่นต่อไป) ๕. ขั้นสอง ให้ยกเข่าข้างที่ถนัดแล้วพร้อมทั้งยกก้น และชูมือให้สุดเพื่อให้ทีมตรงข้ามโดดไม่ให้ผ่าน ๖. ขั้นสาม นำหนังยางมาพันเข่าหนึ่งรอบเพื่อให้ทีมตรงข้ามโดด โดยกำหนดว่าต้องโดดไม่โดนหนังยาง แล้วแต่กำหนดว่าจะให้โดดกี่ครั้ง ๗. ขั้นสี่ (ใต้ก้น) คือ นำหนังยางพันใต้ก้นให้ทีมตรงข้ามกระโดดผ่านโดยไม่จัง กำหนดว่าต้องโดดไม่โดนเส้นหนึ่งครั้ง ๘. ขั้นห้า (อีเอว) คือ นำหนังยางไว้ตรงเอวในการเล่นขั้นอีเอวจะมีการกระโดดท่าเพิ่ม คือ อีหญิง อีชาย โดยผู้เล่นจะเลือกท่าไหนก็ได้ จะกำหนดให้เล่นอีหญิง ๒๐ ครั้ง การเล่นอีหญิงคือ การกระโดดโดยการเอาขาข้างที่ถนัดเกี่ยวหนังยางไว้ใต้เข่าและเอาขาอีกข้างโดด ข้ามหนังยางไป แล้วทำซ้ำจนครบ ...

เล่นโพงพาง

 เล่นโพงพาง ชื่อ   เล่นโพงพาง ภาค   ภาคเหนือ จังหวัด   ตาก สถานที่เล่น สนาม ลานกว้าง อุปกรณ์ ผ้าปิดตา จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่น ยิงฉุบกันว่าใครจะเป็นผู้แพ้ต้องปิดตาเป็นโพงพางตาบอด ผู้เล่นคนอื่น ๆ จับมือเป็นวงกลมร้องเพลง โพงพางเอ๋ย โพงพางตาบอด รอดเข้ารอดออก โพงพางตาบอดปล่อยลูกช้างเข้าในวง ขณะเดินวนรอบ ๆ โพงพางตาบอดร้องเพลง ๑-๓ จบ แล้วนั่งลงโพงพางจะเดินมาคลำคนอื่น ๆ ซึ่งต้องพยายามหนี และจะต้องเงียบสนิท หากโพงพางจำเสียงหัวเราะ รูปลักษณะได้จะเรียกชื่อ ถ้าเรียกคนถูกต้องออกมาปิดตาเป็นโพงพางต่อไป ถ้าไม่ถูกก็ต้องเป็นโพงพางอีกไปเรื่อย ๆ กติกา ใครถูกจับได้ และบอกชื่อถูกต้องเป็นโพงพางแทน โอกาส เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เด็ก ๆ เล่นกันโดยทั่วไป

เตยหรือหลิ่น

เตยหรือหลิ่น ภาค   ภาคเหนือ จังหวัด   ตาก สถานที่เล่น ลานกว้าง ที่โล่งแจ้ง อุปกรณ์ ไม่มี จำนวนผู้เล่น ๖-๑๒ คน วิธีเล่น ขีดเส้นเป็นตารางจำนวนเท่ากับผู้เล่น (สมมติว่ามี ๖ คน) แล้วแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งยืนประจำเส้น (ตามขวาง) อีกฝ่ายจะวิ่งผ่านแต่ละเส้นไปโดยไม่ให้เจ้าของเส้นแตะได้ เมื่อเริ่มเล่นคนที่ยืนประจำเส้นแรก พูดว่า ไหล หรือ หลิ่น ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มวิ่งผ่านเส้นแรกไปจนถึงเส้นสุดท้ายแล้ววิ่งกลับ ถ้าวิ่งกลับถึงเส้นแรกโดยไม่ถูกฝ่ายตรงข้ามแตะได้ก็พูดว่า เตย ก็จะเป็นฝ่ายชนะ โอกาส เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เด็ก ๆ เล่นกันโดยทั่วไป

ชนกว่าง

ชนกว่าง  “ชนกว่าง” เป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวล้านนา ที่นิยมเล่นกันเป็นเวลานานแล้ว จนกลายเป็นประเพณีแต่จะเริ่มเล่นกันมาตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่มีหลักฐานปรากฏ ปัจจุบันยังมีการเล่นกันอยู่ แต่อาจจะไม่มากเท่ากับในอดีต การเล่นชนกว่างของชาวล้านนานิยมเล่นกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ก็คงจะคล้ายๆ กับการเล่นชนปลากัดของชาวภาคกลาง ชนกว่างใช่ว่าจะชนกันได้ในทุกฤดูกาล จะมีให้เล่นกันก็แต่เฉพาะในฤดูฝน คือประมาณเดือนสิงหาคม-ตุลาคม พอออกพรรษาแล้วก็ค่อยๆ เลิกราปล่อยกันไป กว่างก็จะเริ่มหายตายจาก เพื่อการเกิดใหม่ในปีหน้า ตามวัฏจักรของมัน กว่าง เป็นสัตว์จำพวกแมลงปีกแข็ง มีขา 6 ขา ตัวผู้มีเขา 2 เขา (เขาล่าง, เขาบน) ตัวเป็นสีน้ำตาลและสีดำ ที่เกิดมาจากด้วงมะพร้าว ซึ่งส่วนมากจะมีที่อยู่อาศัยในป่า มีด้วยกันหลายชนิด ซึ่งพอจะรวบรวมได้ดังนี้ 1. กว่างแม่อี่อู้ด เป็นกว่างตัวเมียไม่มีเขา ตัวสีน้ำตาล กว้าง ยาวประมาณ 1 นิ้ว มักมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น ที่อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา เรียกว่า “กว่างอี่มุ้ม” อำเภอเมืองเชียงราย เรียกว่า “แม่อี่หลุ้ม” หรือที่อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เรียกว่า “แม่บังออน” เป็นต้น 2...

ปั่นหนังว้อง

  ปั่นหนังว้อง ภาค   ภาคเหนือ จังหวัด   กำแพงเพชร                                                                   อุปกรณ์และวิธีเล่น การปั่นหนังว้อง คือการปั่นยางวงที่ใช้รัดของ เป็นการเล่นของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายเล่นโดยการจับคู่เล่นบนพื้นราบที่ไม่สกปรก เช่น พื้นเรือน หรือบนโต๊ะ อุปกรณ์ที่ใช้คือ ยางรัดของจำนวนมากน้อยเท่าที่หาได้กติกาการเล่นมีอยู่ว่า หากผู้เล่นฝ่ายใดสามารถคลายยางรัดของออกจากกันเป็นเส้นปกติได้ ก็จะได้ยางรัดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ วิธีเล่น เริ่มจากการนำยางรัดของมาคนละเส้นประกบกันแล้วให้ฝ่ายหนึ่งใช้ส้นมือถูยางรัดของที่ประกบกันนั้นโดยแรงให้ยางรัดทั้งสองเส้นบิดตัวพันกันจนแน่น แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งพยายามแกะให้คลายออกจากกัน ถ้าทำได้สำเร็จจะได้ยางรัดของไปเป็นของตน ถ้าทำไม่สำเร็จจะต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งทำแทน ผลัดกันเช่นนี้ไปจนกว่าจะมีผู้ทำสำเร็จ เมื่อเสร็จแล้วก็เริ่มต้นใหม่ไปเรื่อยๆ โอกาสหรือเวลาที่เล่น เป็นก...

ไม้หึ่ง หรือ อีหึ่ง

  ไม้หึ่ง หรือ อีหึ่ง อุปกรณ์ แม่ไม้ 1 อัน มีขนาดความยาวประมาณ 24-32 นิ้ว โตขนาดเท่าไม้ถือ ลูกไม้ 1 อัน มีขนาดความยาวประมาณ 3 นิ้ว โตขนาดเท่าส่วนปลายของแม่ไม้ ผู้เล่น  ไม่จำกัดจำนวน โดยจะเล่นรวมทั้งชายและหญิง หรือเล่นเฉพาะชายกับชาย หญิงกับหญิงก็ได้  รูปแบบ  แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายตีและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายรับ ดังภาพประกอบ วิธีการเล่น โดยการแบ่งฝ่ายละเท่า ๆ กัน เช่น 2 ต่อ 2 หรือ 3 ต่อ 3 ฝ่ายได้เล่นก่อนจะทำการขุดร่องที่พื้นดินแข็งให้เป็นร่องยาวประมาณ 1 คืบ ลึก 1นิ้วครึ่ง เป็นรางคล้ายเรือ หรือ พอเพียงกับการงัดไม้ลูกได้จากนั้นฝ่ายเริ่มจะวางไม้ลูกขวางร่องหลุมที่ขุด ไว้ แล้วใช้ไม้แม่งัดออกไปข้างหน้าให้ได้ระยะไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามรับยากหรือโต้กลับยาก ขณะที่งัดไม้ลูกออกไปนั้น ฝ่ายรับสามารถใช้อุปกรณ์ใดก็ได้ปกป้องหรือตีโต้กลับไปยังหลุมงัด หรือใช้มือรับ จากนั้นฝ่ายเริ่มต้องวางไม้แม่ไว้ที่หลุม ฝ่ายรับจะโยนไม้ลูกให้กลับมาให้ถูกหรือปะทะให้ไม้แม่ที่วางอยู่เพื่อการชนะ ถ้าสามารถโยนลูกปะทะไม้แม่ก็จะได้กลับมาเป็นผู้เริ่มหรือผู้เสริฟ แต่ถ้าโยนไม่...

ลูกโยน หรือลูกช่วง

  ลูกโยน หรือลูกช่วง ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  กำแพงเพชร อุปกรณ์การเล่นและวิธีการเล่น อุปกรณ์การเล่น ลูกโยน ทำด้วยผ้าผืนเช่น ผ้าขาวม้า นำมาม้วนพันชายข้างหนึ่งแล้วห่อมัดด้วยชายอีกข้างหนึ่ง ต้องมัดให้เหลือชายผ้าสำหรับจับโยน ๑ ลูก แบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย นิยมให้ฝ่ายหนึ่งเป็นชายอีกฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงจำนวนผู้เล่นฝ่ายละประมาณ ๕-๑๐ คนขีดเส้นกั้นแดนมิให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล่วงข้ามแดนกัน วิธีการเล่น มี ๔ ขั้นตอน ดังนี้ ๑. การเริ่มต้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้เริ่มโยนลูกโยนก่อนก็ได้ ถ้าฝ่ายชาย เป็นฝ่ายเริ่ม ฝ่ายชายก็จะโยนลูกโยนข้ามไปยังแดนฝ่ายหญิง หากไม่มีผู้ใดรับลูกโยนได้ ลูกโยนตกถึงพื้น ฝ่ายหญิงจะหยิบลูกโยนขึ้นมาโยนกลับไปยังฝ่ายชาย แต่หากฝ่ายหญิงรับลูกโยนได้ก่อนตกถึงพื้น ก็จะขว้างลูกโยนข้ามไปให้ถูกตัวฝ่ายชายถ้าขว้างไปแล้วไม่ถูกใคร และลูกโยนตกถึงพื้น ฝ่ายชายจะหยิบลูกโยนขึ้นมาโยนกลับไปข้างฝ่ายหญิง สลับกันไปมา ๒. สภาพเป็นเชลย หากผู้เล่นคนใดปล่อยให้ลูกโยนที่ฝ่ายตรงข้ามรับได้และขว้างกลับมาถูกส่วนใด ส่วนหนึ่งของร่างกาย ผู้เล่นคนนั้นจะตกเป็นเชลยของฝ่ายตรงข้าม ต้องข้ามแดนไปยืนคอยรับ...

การละเล่นภาคเหนือ ม้าติดคอกหรือบางท้องที่เรียกม้าจกคอก

การละเล่นภาคเหนือ ม้าติดคอกหรือบางท้องที่เรียกม้าจกคอก  ม้าติดคอกเป็นกีฬาที่เลียนแบบ ชีวิตประจำวันของชาวเหนือสมัยเก่าที่มีการเลี้ยงม้า   นำเอาลักษณะการเต้นของม้า   การกระโดดของม้า ลักษณะที่ม้าติดคอกเลี้ยงคือขาม้าขัดอยู่ที่ไม้กั้นคอกมาเป็นการเล่นพ้นเมืองเพื่อการออกกำลังกายและเพื่อความสนุกสนานรื่นเริงนิยมเล่นกันในท้องถิ่นจังหวัดไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการเริ่มเล่นม้าติดคอตั้งแต่สมัยใด แต่พบว่ามีการเล่นกีฬาชนิดนี้กันแล้วในสมัยใดแต่ว่ามีการเล่นกีฬานี้กันแล้วในสมัยรัชกาลที่7 พ.ศ.2480(กรมพลศึกษา,2480:755) บางท้องที่เรียกว่า   ม้าจกคอก(สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี,2525:35)ปัจจุบันยังมีการเล่นอยู่บ้างแต่ไม่เป็นที่นิยมมากนัก                 ผู้เล่น             เล่นกันในเฉพาะหมู่ผู้ชาย   ผู้หญิงไม่ค่อยนิยม   บางท้องที่จะจัดให้ผู้หญิงถือคานเคาะจังหวะให้   ผู้ชายเป็นผู้เต้น   ผู้หญิงไม่ค่อยเต้น   จำนวนผู้เล่นไม่จำกัดยิ่งมากยิ่งสนุก      ...

คุณค่าการละเล่นของไทย

  คุณค่าการละเล่นของไทย การละเล่นของไทย เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพื้นบ้านเท่า ๆ กันกับเป็นการสะท้อนวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และเนื่องจากเป็นการ “เล่น” ซึ่งผู้ใหญ่บางคนอาจไม่เห็นคุณค่า นอกจากเห็นว่าเป็นแค่เพียงความสนุกสนานของเด็ก ๆ หนำซ้ำการละเล่นบางอย่างยังเห็นว่าเป็นอันตราย และเป็นการบ่มเพาะนิสัยการพนันอีก เช่น ทอยกอง หว่าหากจะมอง วิเคราะห์กันอย่างจริงจังแล้ว คุณค่าของการละเล่นของไทยเรานี้มีนับเอนกอนันต์ ดังจะว่าไปตามหัวข้อ ต่อไปนี้ ประโยชน์ทางกาย อันได้จากการออกกำลังทั้งกลางแจ้งและในร่ม เริ่มตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ เล่น “จับปูดำ ขยำปูนา” หรือ “โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ” เด็กก็จะได้หัดใช้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ในตัวพร้อมกับทำท่าให้เข้ากับจังหวะ พอโตขึ้นมาหน่อยก็จะชอบเล่นกลางแจ้งกับเด็กคนอื่น ๆ เป็นกลุ่มเล็กบ้างใหญ่บ้าง เช่น ขี่ม้าก้านกล้วย ตาเขย่ง ตีลูกล้อ วิ่งเปี้ยว ขี่ม้าส่งเมือง ตี่จับ เตย ฯลฯ การละเล่นบางอย่างมีบทร้องประกอบทำให้สนุกครึกครื้นเข้าไปอีก อย่าง รีรีข้าวสาร โพงพาง มอญซ่อนผ้า อ้ายเข้อ้ายโขง งูกินหาง นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้วยังได้ฝึกคว...

ประเภทของการละเล่น

 ประเภทของการละเล่น        เนื่องจากการละเล่นของไทยเรานั้นมีมากมายจนนึกไม่ถึง (กรมพลศึกษารวบรวมไว้ได้ถึง 1,200 ชนิด) แต่พอจะแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็น 2 ประเภท ใหญ่ ๆ คือ   การละเล่นกลางแจ้ง และการละเล่นในร่ม และในแต่ละประเภทก็ยังแบ่งย่อยอีกเป็นการละเล่นที่มีบทร้องประกอบ กับที่ไม่มีบทร้องประกอบการละเล่นกลางแจ้งที่มีบทร้องประกอบได้แก่ โพงพาง เสือไล่หมู่ อ้ายเข้อ้ายโขงซ่อนหาหรือโป้งแปะ เอาเถิด มอญซ่อนผ้า รีรีข้าวสาร ที่มีคำโต้ตอบ เช่น งูกันหาง แม่นาคพระโขนง มะล็อกก๊อกแก็ก เขย่งเก็งกอย ที่ไม่มีบทร้องประกอบ ได้แก่ ล้อต๊อก หยอดหลุม บ้อหุ้น ลูกดิ่ง ลูกข่าง ลูกหิน เตยหรือตาล่อง ข้าวหลามตัด วัวกระทิง ลูกช่วง ห่วงยาง เสือข้ามห้วยเคี่ยว เสือข้ามห้วยหมู่ ตี่จับ แตะหุ่น ตาเขย่ง ยิงหนังสะติ๊ก ปลาหมอ ตกกะทะ ตีลูกล้อ การเล่นว่าว กระโดดเชือกเดี่ยว กระโดดเชือกคู่ กระโดดเชือกหมู่ ร่อนรูป หลุมเมือง ทอดกะทะ หรือหมุนนาฬิกา ขี่ม้าส่งเมือง กาฟักไข่ ตีโป่ง ชักคะเย่อ โปลิศจับขโมย สะบ้า เสือกันวัว ขี่ม้าก้านกล้วย กระดานกระดก วิ่งสามขา วิ่งสวมกระสอบ วิ่งทน ยิงเป็นก้านกล้วย การละเล่นในร...

ประวัติความเป็นมาของการละเล่นไทย

  ประวัติความเป็นมาของการละเล่นไทย เป็นการละเล่นที่มีในกลุ่มสังคมท้องถิ่น ในอดีตมีกีฬาพื้นบ้านต่างๆให้เล่นมากมายตั้งแต่รุ่นก่อนๆจนกระทั่งถึงรุ่น ปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นอยู่ซึ่งแต่ก็น้อยกว่าในสมัยก่อนมากเพราะสมัย ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามามากจึงทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยได้เล่นกันนัก กิจกรรม การเล่นของสังคม เป็นกิจกรรมนันทนาการหนึ่งซึ่งได้รับการยอมรับร่วมกันในสังคม โดยมีรากฐานมาจากความเป็นจริงแห่งวิถีชีวิตของชุมชนที่มีการประพฤติปฏิบัติ สืบทอดกันมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน การละเล่นแสดงออกด้วยการเคลื่อนไหวกริยาอาการเป็นหลัก อาจมีดนตรี การขับร้องหรือการฟ้อนรำประกอบการเล่น มีจุดมุ่งหมาย เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินในโอกาสต่าง ๆ การละเล่นบางชนิดได้รับการถ่ายทอดสืบสานต่อกันมา และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนารูปแบบอย่างต่อเนื่องจนมีลักษณะเฉพาะถิ่น ดังนี้การละเล่นพื้นบ้านจึงเป็นผลิตผลอันเกิดจากความคิดและจินตนาการของ มนุษย์ย่อมสะท้อนถึงโลกทัศน์ ภูมิธรรม และจิตวิญญาณของบรรพชนในท้องถิ่นที่ได้ถูกหล่อหลอมจนตกผลึกเป็นภูมิปัญญาอัน ทรงคุณค่าและได้กลายเป็นมรดำวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของประเทศชาติการละเล่น นับว่ามี...

การละเล่นไทย

  การละเล่นไทย การละเล่นไทย หมายถึง กิจกรรมการเล่นของสังคม เป็นกิจกรรมนันทนาการหนึ่งซึ่งได้รับการยอมรับร่วมกันในสังคม โดยมีรากฐานมาจากความเป็นจริงแห่งวิถีชีวิตของชุมชนที่มีการประพฤติปฏิบัติสืบทอดกันมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน การละเล่นแสดงออกด้วยการเคลื่อนไหวกริยาอาการเป็นหลัก อาจมีดนตรี การขับร้องหรือการฟ้อนรำประกอบการเล่น มีจุดมุ่งหมาย เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินในโอกาสต่าง ๆ การละเล่นบางชนิดได้รับการถ่ายทอดสืบสานต่อกันมา และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนารูปแบบอย่างต่อเนื่องจนมีลักษณะเฉพาะถิ่นดังนี้การละเล่นพื้นบ้านจึงเป็นผลิตผลอันเกิดจากความคิดและจินตนาการของมนุษย์ ย่อมสะท้อนถึงโลกทัศน์ ภูมิธรรม และจิตวิญญาณของบรรพชนในท้องถิ่นที่ได้ถูกหล่อหลอมจนตกผลึกเป็นภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าและได้กลายเป็นมรดกวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของประเทศชาติ การละเล่นนับว่ามีความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการละเล่นของเด็กและของผู้ใหญ่ล้วนแสดงออกถึงสภาพชีวิต ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณีค่านิยมและความเชื่อของสังคมนั้น ๆ ทั้งยังก่อคุณค่าแก่ผู้เล่นและผู้เฝ้าดู ในด้านการผ่อนคลายอารมณ์ ความเครียด เสริม...

เพลงเรือบ้านแหลมโพธิ์

เพลงเรือบ้านแหลมโพธิ์ ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  สงขลา เพลงเรือแหลมโพธิ์ เป็นการเล่นเพลงเรือของชาวบ้านแหลมโพธิ์ ซึ่งเป็นแหลมเล็กๆ ที่ยื่นลงไปในทะเลสาบสงขลา ตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อุปกรณ์และวิธีการเล่น เป็นการเล่นเพลงพื้นบ้านในเรือ โดยใช้พายในการให้จังหวะ การเล่นเพลงเรือหรือการขับเพลงให้ลงกับจังหวะพาย ผู้พายก็ต้องฟังเสียงเพลง ผู้ขับเพลงเรือหรือแม่เพลงต้องเป็นผู้มีปฏิภาณไหวพริบที่จะหาคำ หรือหยิบยกเอาเหตุการณ์สิ่งแวดล้อมเข้ามาสอดแทรกเข้าไปให้เหมาะสม อาจเป็นการแข่งขัน ยกย่อง เสียดสีซึ่งทำให้ผู้ฟังสนุกไปด้วย ก่อนการเล่นเพลงต้องมีการกล่าวกลอนไหว้ครูก่อน จากนั้นจึงจะเอื้อนกลอนพรรณนาหรือชักชวนให้คนอื่นมาเล่นด้วย โดยใช้วิธีว่ากลอนกระทบกระทั่งกระเซ้าเย้าแหย่ จนคู่โต้มิอาจจะทนอยู่ได้ จึงเกิดการเล่นเพลงเรือโต้ตอบกันขึ้น การโต้ตอบกันด้วยเพลงเรือ บางทีก็เผ็ดร้อนใช้คารมที่คมคาย บางทีก็อาจเป็นทำนองรักหวานชื่น ทั้งนี้แล้วแต่โอกาสและสถานการณ์ โอกาสในการเล่น เพลงเรือบ้านแหลมโพธิ์นิยมเล่นในวันออกพรรษา ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า"ลากพระ" หรือ"ชักพระ" นอกจากผู้เล่นจะร้องกันในเรือแล...

ชนหญ้าขี้เตรย

  ชนหญ้าขี้เตรย ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  สงขลา อุปกรณ์และวิธีเล่น ชนหญ้าขี้เตรย เป็นการเล่นอย่างหนึ่งของเด็ก เล่นกัน ๒ คน โดยผู้เล่นทั้ง ๒ คนจะหาหญ้าขี้เตรย (หญ้าเจ้าชู้) มาคนละกี่ช่อก็ได้จำนวนฝ่ายละเท่า ๆ กัน เด็ดให้ติดก้านประมาณ ๑ คืบ แต่ละฝ่ายรวบหญ้าขี้เตรยให้มั่น เอาปลายหญ้าทั้ง ๒ ฝ่ายมาทาบกัน แล้วต่างฝ่ายต่างเกลียวไปคนละทางอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งหญ้าที่รวบไว้ทั้ง ๒ ฝ่ายพันเกลียวกันแน่น ถ้าหญ้าของฝ่ายใดขาดก่อน หรือขาดมากกว่าฝ่ายนั้นจะแพ้ จะถูกลงโทษตามที่ตกลงกันไว้ โอกาสที่เล่น เล่นได้ทุกโอกาส แนวคิด ฝึกให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา

หมาชิงมุม (การละเล่นของเด็ก)

  หมาชิงมุม (การละเล่นของเด็ก) ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ภูเก็ต อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. จำนวนผู้เล่น ๕ คน หรือมากกว่าก็ได้ ๒. หลักจำนวน ๔ ต้น ๓. สถานที่นิยมเล่นในที่ร่ม ที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง วิธีการเล่น หมาชิงมุม หรือ หมาชิงเสา เป็นการเล่นของเด็ก มีวิธีเล่นคล้ายลิงชิงหลัก คือมีผู้เล่น ๕ คน และมีหลักปักไว้ ๔ ต้น หรืออาจเขียนเครื่องหมายบนพื้น ๔ ทิศ ให้อยู่ห่างกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่เพื่อความสะดวกอาจใช้เสาศาลาพักร้อนหรือเสาของอาคารที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง ก็ได้ ก่อนเริ่มเล่นจะต้องมีการเสี่ยงทายหาผู้เล่นเป็น "หมา" เริ่มเล่นโดยการให้คนที่เป็น "หมา" ยืนอยู่ตรงกลางของพื้นที่ ๔ เหลี่ยม แล้วคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนที่กันยืน โดยการวิ่งจากมุมเดิมไปอยู่มุมอื่น (มุมไหนก็ได้) เป็นการแลกเปลี่ยนมุมกัน ผู้ที่เล่นเป็นหมาจะต้องแย่งมุมใดมุมหนึ่งซึ่งยังไม่มีใครครอบครอง หากผู้ที่เล่นเป็นหมาแย่งได้ ผู้ที่ไม่มีหลักครอบครองก็จะต้องเล่นเป็นหมาแทน แต่เมื่อผู้เล่นสามารถเปลี่ยนมุมได้คนละ ๕ หรือ ๗ ครั้ง แล้วแต่จะตกลงกัน ถ้าหมาไม่สามารถชิงมุมได้ ผู้เล่นทั้ง ๔ คน ก็จะช่วยกันหามหมาไปทิ้ง (ส่ง...

ซีละ

  ซีละ ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ยะลา อุปกรณ์การแสดง และวิธีการแสดง ซีละ หรือเรียกว่าดีกา หรือบือดีกา เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชาวไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศ ไทย โดยได้รับอิทธิพลด้านศิลปะการแสดงที่มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดขึ้นครั้ง แรกที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเชีย หรือจากมะละกา และแพร่กระจายมายังประเทศมาเลเชีย และมาทางตอนใต้ของประเทศไทย องค์ประกอบในการแสดง ๑. ผู้แสดง ซีละคณะหนึ่ง ๆ มีอย่างน้อย ๕ คน ผู้เล่นดนตรี ๓ คน ผู้เล่นซีละ ๒ คน การเล่นซีละจะเป็นการแสดงศิลปะการต่อสู้เป็นคู่ ต่อสู้ตัวต่อตัว ผู้เล่นจึงมี ๒ คนเป็นอย่างน้อย ๒. เครื่องดนตรีซีละเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่มีดนตรีประกอบเช่นเดียวกับ มวยไทยมี ๓ ชนิด คือ ฆือแน(กลองแขก) จำนวน ๑ - ๒ ใบ ฆง(ฆ้อง) จำนวน ๑ ใบ ซูนา(ปี่) จำนวน ๑ เลา ๓. เวทีการแสดง ปกติแสดงกันบนพื้นดิน สนามหญ้า หรือลานบ้าน ถ้ามีการรับเชิญไปแสดงบนเวทีก็แสดงได้ แต่ไม่ค่อยนิยมกัน วิธีการแสดง ผู้แสดงนิยมแต่งกายรัดกุม นุ่งกางเกงขายาว (แบบกางเกงจีน) ใส่เสื้อยืดคอกลมมีแขน มีผ้าลวดลายสวยงามพันทับจากเอวถึงเหนือเข่าและใช้ผ้าคาดสะเอว...

ดีเกร์ฮูลู

ดีเกร์ฮูลู  คนไทยนิยมเรียก ลิเกฮูลู หรือจะเรียกว่า ลำตัดมลายู การแสดงลิเกฮูลู คล้ายกับลำตัดทางภาคกลางของไทย ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหลายจังหวัดของทางภาคใต้ของไทย และแพร่กระจายไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่ใช้ภาษามลายูรวมทั้งกรุงเทพมหานครในย่านที่ประชาชนนับถือศาสนาอิสลาม ศิลปะเพลงร้องดีเกร์ฮูลูมักใช้เล่นในงานเข้าสุหนัต งานมาแกปูโละ (งานแต่งงาน) งานวันฮาลีรายอ งานเลี้ยงฉลอง งานเลี้ยงรับแขกบ้านแขกเมือง และงานเทศกาลที่ทางราชการจัด คณะหนึ่งมีนักเพลงหรือผู้ขับร้องประจำคณะอย่างน้อย 2 - 3 คน ลูกคู่ประมาณ 10 กว่าคน ร้องรับและตบมือ โยกตัวเข้ากับจังหวะดนตรี การแสดงดีเกร์ฮูลูในอดีตใช้ผู้แสดงเป็นผู้ชายล้วน ต่อมามีทั้งผู้ชายและผู้หญิง การแสดงมุ่งเน้นไปที่นักเพลงที่ทำหน้าที่เป็นแม่เพลงหรือต้นเสียงในการนำร้องเพลง

จับปูลม

 จับปูลม ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ภูเก็ต อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. บริเวณที่เป็นทรายขาวนวลและคลื่นสาดไม่ถึง ๒. ปูลม วิธีการเล่น เป็นการจับปูลมของเด็กเพื่อความสนุกสนาน ปูลมเป็นปูชนิดหนึ่งซึ่งขุดรูอยู่ชายหาดตอนบน คือบริเวณที่เป็นทรายขาวนวลและคลื่นสาดไม่ถึง มีลำตัวสีขาวคล้ายสีพื้นทรายตามลักษณะการปรับตัวตามธรรมชาติ มีขนาดเท่าๆกับปูเปี้ยววิ่งได้เร็วและเปลี่ยนทิศทางวิ่งได้เก่ง เมื่อรู้สึกตัวว่ามีภัยจะรีบวิ่งลงรูหรือไม่ก็เข้าซ่อนตัวตามกองทราย การจับปูลมนิยมมากในหมู่เด็กทั้งหญิงและชายที่มีบ้านเรือนอยู่ริมชายทะเลโดย ผู้จับปูลมมักจะไปเป็นกลุ่ม เมื่อพบปูลมก็จะตะโกนบอกกันแล้วช่วยกันไล่จับ อันเป็นการแข่งขันไปในทีด้วยว่าใครจะเป็นผู้สามารถจับปูลมตัวนั้นได้ การที่ปูลมเป็นปูที่วิ่งเร็วและหลบหลีภัยได้เก่งเป็นสิ่งที่ท้าทายความ สามารถของเด็กๆมาก เมื่อจับปูลมได้หรือจับไม่ได้เพราะปูลมหนีลงรูหรือฝังตัวตามกองทรายเสียก่อ นกตาม ผู้จับปูลมอาจไล่จับปูลมเพียงลำพังตนก็มีบ้าง โอกาสหรือเวลาที่เล่น การจับปูลมนิยมกันในตอนบ่ายหรือเย็น ซึ่งเป็นเวลาเหมาะที่จะไปเที่ยวเล่นตามชายหาด คุณค่า/แนวคิ...

การเล่นจาโต (หมากรุก)

  การเล่นจาโต (หมากรุก) ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ยะลา จาโตเป็นการเล่นอย่างหนึ่งของชาวไทยมุสลิม ซึ่งพอเทียบได้กับการเล่นหมากรุกไทย หมากรุกฝรั่ง และหมากรุกจีน ไม่ว่าจะเป็นกระดาน จำนวนตาราง ตัวหมาก การวางหมาก การเดิน การกิน และการไล่ กระดาน เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีจำนวน ๖๔ ตาราง ตามกว้าง ๘ ตาราง ตามยาว ๘ ตาราง ตัวหมาก มีฝ่ายละ ๑๖ คือ เต มี ๒ ตัวเทียบเท่ากับ เรือ ของหมากรุกไทย กูดอ มี ๒ ตัวเทียบเท่ากับ ม้า ของหมากรุกไทย กาเยาะ มี ๒ ตัวเทียบเท่ากับ โคน ของหมากรุกไทย รายอ มี ๑ ตัวเทียบเท่ากับ ขุน ของหมากรุกไทย กรี มี ๑ ตัวเทียบเท่ากับ เม็ด ของเม็ดหมากรุกไทย บีเดาะ มี ๘ ตัวเทียบเท่ากับ เบี้ย ของหมากรุกไทย การวางหมาก วาง ๒ แถวจากแถวล่างสุด ซ้ายไปขวาดังนั้น เต กูดอ กาเยาะ รายอ กรี กาเยาะ กูดอ เต แถวถัดไปชิดกับแถวแรก (ตั้งเหมือนหมากรุกฝรั่ง ) เป็นที่ตั้งของบีเดาะ ๘ ตัว การเดิน ต่างตัวต่างเดินไม่เหมือนกันคือ "เต" เดินในทิศทางตรงไปข้างหน้า ถอยหลัง ไปข้างซ้าย ไปข้างขวา จะยาวทีละตาหรือกี่ตาก็ได้ เหมือนหมากรุกไทยทุกอย่าง "กูดอ" เดินทแยงไป ๑ ตาแล้วตรงขึ้นบน หรือตรงไปทางขวา สำห...

จุ้มจี้ : การเล่นของเด็ก

  จุ้มจี้ : การเล่นของเด็ก ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ภูเก็ต อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. จำนวนผู้เล่นตั้งแต่ ๓-๑๐ คน ๒. สถานที่นิยมเล่นในที่ร่ม วิธีการเล่น จุ้มจี้ หรือจ้ำจี้ เป็นการเล่นเสี่ยงทายคัดเลือกคนออกไปจากวงโดยการนับและใช้นิ้วชี้ไปยังมือ หรือนิ้วของผู้เล่น จำนวนผู้เล่นตั้งแต่ ๓-๑๐ คน สถานที่เล่นนิยมเล่นในร่ม ก่อนเริ่มเล่นต้องเสี่ยงทายคนจี้เสียก่อน เมื่อได้ตัวคนจี้แล้ว ผู้เล่นทุกคนรวมทั้งผู้จี้ด้วยต้องนั่งล้อมเป็นวงกลม คว่ำฝ่ามือทั้ง ๒ ข้างลงบนพื้นข้างหน้ายกเว้นคนจี้จะคว่ำฝ่ามือลงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งจะใช้สำหรับจี้หลังมือทุกมือที่วางอยูในวง โดยเริ่มจี้จากมือของตนเองก่อน ขณะที่จี้ผู้เล่นช่วยกันร้องเพลงประกอบการเล่น ๑ พยางค์ต่อการจี้ ๑ ครั้งหรือ ๑ มือ เมื่อพยางค์สุดท้ายของเพลงตกตรงที่มือไหนมือนั้นจะต้องยกออกจากวง ผู้จี้จะร้องเพลงประกอบและจี้ไปเรื่อยๆจนเหลือผู้เล่นเหลือมืออยู่ในวงคน เดียวและเป็นสุดท้ายก็เป็นผู้ชนะ ถ้าจะเล่นต่อไปผู้ชนะก็จะเป็นผู้จี้แทนคนเดิม เพลงร้องประกอบการเล่นจุ้มจี้มีมากมายหลายสำนวน อาจผิดเพี้ยนกันไปบ้างเพราะการถ่ายทอดมาหลายๆขั้นจึงทำใ...

การกระโดดเชือก

  การกระโดดเชือก ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  พังงา อุปกรณ์และวิธีการเล่น เป็นการเล่นที่หัดให้ผู้เล่นใช้กำลังแขน กำลังขา เป็นคนตาไว และคล่องแคล่ว เครื่องใช้ในการเล่น คือ เชือกเส้นหนึ่งขนาดโตเท่าปลายนิ้วก้อยยาววาศอก ถ้ากระโดดมากคนด้วยกันต้องยาวประมาณ ๔-๕ วา วิธีเล่น วิธีที่ ๑ สำหรับผู้เล่นคนเดียว ให้ผู้เล่นถือเชือกด้วยมือทั้งสองข้าง งอศอกเล็กน้อยให้กลางเชือกห้อยอยู่ข้างหลัง แล้วแกว่งเชือกให้เร็วขึ้นทุกที จนแทบแลไม่เห็นเส้นเชือกจึงจะสนุก วิธีที่ ๒ วิธีนี้ต้องใช้เชือกให้ยาวสักหน่อย ให้ผู้เล่นสองคนจับปลายเชือกด้วยมือทั้งสอง เชือกจะแกว่งลงพื้นข้างหนึ่ง และขึ้นอีกข้างหนึ่งผู้เล่นนอกนั้นยืนอยู่ห่างๆ ทางด้านที่เชือกลงพื้นพอเห็นเชือกแกว่งดีแล้วก็ให้คนวิ่งเข้าไป ระวังอย่าให้ติดเชือก และยืนระหว่างกลางคนแกว่งเชือกทั้งสอง คอยกระโดดขึ้นเมื่อเชือกฟาดลงพื้นเพื่อให้เชือกลอดไป ต้องหมายตาคอยดูให้ดี พอกระโดดได้สักสิบครั้ง ก็วิ่งออกไปอีกด้านหนึ่ง แล้วคนที่สองจึงวิ่งไปกระโดดบ้าง ให้ผู้เล่นวิ่งทยอยเข้าไปกระโดด เช่นนี้จนครบผู้เล่นทุกคนจะต้องผลัดกันแกว่งเชือก และต้องแกว่งให้ดี คือให้เชือกตกล...

ซัดต้ม

  ซัดต้ม ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  พัทลุง วิธีการเล่น การซัดต้ม เริ่มด้วยการเตรียมอุปกรณ์ในการซัดต้ม โดยทำลูกต้มสำหรับปาด้วยข้าวตากผสมทรายห่อด้วยใบตาลโตนด หรือใบมะพร้าวมาสานแบบตะกร้ออย่างแน่นหนา ขนาดเท่ากับกำปั้นพอเหมาะมือ อาจจะใช้หวายสอดภายนอกอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้แน่นและคงทนยิ่งขึ้น หลังจากนั้นก็นำลูกต้มไปแช่น้ำเพื่อให้ข้าวตากพองตัวมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก เมื่อปาถูกฝ่ายตรงข้ามจะทำให้เจ็บ บางครั้งทำให้เลือดตกยางออกได้ ส่วนสนามหรือเวทีในการซัดต้มปลูกยกพื้นสูงประมาณ ๑ เมตร กว้างด้านละ ๑-๒ เมตร ห่างกันประมาณ ๖-๘ เมตร หรืออาจจะใช้พื้นดินธรรมดาก็ได้ การเปรียบคู่ จะเอาคนที่มีลักษณะรูปร่างความแข็งแรงและความชำนาญที่พอจะสู้กันได้ หรืออาจจะให้คนที่มีฝีมือมาสู้กัน คู่ต่อสู้จะยืนบนเวทีหันหน้าเข้าหากัน ห่างกันประมาณ ๖-๘ เมตร โดยมีกรรมการเป็นผู้กำหนด การปาหรือซัดต้มจะผลัดกัน เช่น ปาคนละ ๓ ครั้ง โดยมีลูกต้มวางอยู่ข้างหน้าฝ่ายละประมาณ ๒๕-๓๐ ลูก การแต่งกายจะนุ่งกางเกงหรือนุ่งผ้าโจงกระเบนก็ได้ บางคนอาจจะมีมงคลสวมหัว มีผ้าประเจียดพันแขนเช่นเดียวกับนักมวย ก่อนลงมือแข่งขันก็มีการร่ายคาถา...

อีฉุด

 อีฉุด ภาค      ภาคใต้ จังหวัด   กระบี่ วิธีการเล่น ผู้เล่นตกลงกันว่าใครจะเป็นผู้เล่นก่อนหลัง โดยผู้เล่นมีลูกเกยคนละลูก หลังจากนั้นก็ขีดตารางเป็นช่องสี่เหลี่ยมจำนวน ๖ ช่อง หรือเรียกว่า ๖ เมือง โดยแบ่งเป็นซีกซ้าย ๓ เมือง ซีกขวา ๓ เมือง การเริ่มเล่น ผู้เล่นคนที่ ๑ เริ่มเล่นโดยการทอยลูกเกยลงไปในเขตเมืองที่ ๑ แล้วกระโดดยืนเท้าเดียวในเมืองที่ ๑ หลังจากนั้นใช้ปลายเท้าฉุดลูกเกยให้ผ่านไปในเขตเมืองที่ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ตามลำดับแล้วก็ฉุดลูกเกยออกจากเขตเมืองที่ ๖ ต่อไปผู้เล่นคนเดิม ต้องทอยลูกเกยลงในเมืองที่ ๒ แล้วกระโดดยืนเท้าเดียวในเมืองที่ ๑ กระโดดต่อไปในเมืองที่ ๒ หลังจากนั้นก็เล่นเหมือนเดิมไปเรื่อยๆทุกเมือง จนถึงเมืองที่ ๖ เมื่อทอยลูกเกยและฉุดได้ครบทั้ง ๖ เมืองแล้วให้ผู้เล่นกระโดดด้วยเท้าข้างเดียวจังหวะเดียวลงบนเมืองที่ ๑ ถึง เมืองที่ ๖ ตามลำดับ ห้ามกระโดดหลายครั้งมิฉะนั้นถือว่า ตาย ต้องให้คนอื่นๆเล่นต่อ ถ้าเล่นครบท่านี้แล้วไม่ตาย ให้เล่นในท่าต่อไป คือ เอาลูกเกยวางบนหลังเท้าแล้วสาวเท้าลงในเมืองทั้ง ๖ เมือง ตามลำดับ แต่เท้าหนึ่งลงในเมืองหนึ่งได้เพียงครั้งเดียว เช่น เท้าซ้า...

ชิบโป้ง

  ชิบโป้ง ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ภูเก็ต อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. กระบอกชิบโป้ง ๒. ลูกพลาหรือกระดาษชุบน้ำทำเป็นเม็ดกลม ๓. ไม้ไผ่เพื่อทำกระบอกชิบโป้ง ๔. ไม้ไผ่เหลาให้เป็นอันกลมเพื่อเป็นไส้กระบอกชิบโป้ง วิธีการเล่น ๑. ให้เอากระสุนที่เตรียมไว้ใส่กระบอก ๒. ใช้ไม้กระทุ้งไปให้กระสุนอยู่ราว ๆ เกือบสุดปลายกระบอกครั้งละ ๑-๒ เม็ด ๓. เมื่ออัดกระสุนแน่นดีแล้วให้ใช้ไม้กระทุ้งไปโดนคู่ต่อสู้โดยแบ่งสมาชิกออก เป็น ๒ ฝ่ายเท่า ๆ กัน และตกลงกันว่าฝ่ายใดจะเป็นโจร และฝ่ายใดจะเป็นตำรวจ โอกาสหรือเวลาที่เล่น ได้ทุกเวลา แต่ต้องดูโอกาสและความเหมาะสม คุณค่า/แนวคิด/สาระ ๑. การเล่นเพื่อความสนุกสนาน ๒. เป็นการละเล่นที่รู้จักนำวัสดุมาใช้ให้เกิดประโยชน์โดยที่อุปกรณ์ในการเล่นไม่ต้องซื้อ ๓. เป็นการฝึกความแม่นยำ ทั้งสายตาว่องไว และมือที่มั่นคง ต้องประสานกัน ๔. เป็นพื้นฐานของการฝึกให้รักการกีฬา ยิงธนู ยิงปืน

บูสุ

  บูสุ ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  สตูล อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ เช่น ลูกฟุตบอลเล็ก ก้อนอิฐ หรือไม้ขนาดพอสมควร สำหรับวางเพื่อทอยลูกบอลเล็กให้สัมผัส ผู้เล่นไม่จำกัดเพศ วัย จำนวนต้องเหมาะสมกับสถานที่ วิธีเล่น แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่าย ๆ ละ เท่า ๆ กัน จับฉลากว่าฝ่ายใดเล่นก่อน อีกฝ่ายหนึ่งตั้งรับ เล่นจากท่าที่ ๑ - ๑๐ (แต่ละท่ามีชื่อต่างกันเล่นทีละคน ตีบอลตามขั้นตอนของการเล่นจนหมด ถ้าผู้ใดตีบอลไปแล้วผู้เล่นฝ่ายรับ รับไม่ได้ ลูกบอลตีไปไกลเพียงใด เอาจุดที่ลูกบอลตก เป็นจุดเริ่มต้น ทอยลูกบอลไปหาเสาหลัก (ก้อนอิฐ หรือ ไม้) การวางหลักตั้งขีดเส้นด้านหน้าหลัก ๑ เส้น เพื่อให้ผู้เล่นตีบอลให้พ้นเส้นคือว่าผ่าน มีสิทธิตีลูกบอลต่อไป ในแต่ละท่า ให้ตี ๓ ครั้ง จึงได้ ๑ คะแนน หากฝ่ายรับทอยลูกไม่ถูกหลัก ถือว่าผู้เล่นนั้นตายเหมือนกัน และฝ่ายเล่นก็จะเล่นท่าต่อไป หากฝ่ายเล่นตีลูกตายทุกคน ก็จะเปลี่ยนข้าง ฝ่ายรับจะเป็นผู้เล่นต่อไป สลับกันเลื่อย ๆ จนเหนื่อย และหยุดไปเอง ผู้เล่น เล่นท่าที่ ๑ ถึง ๑๐ ได้ก่อนก็จะชนะ ท่าบูสุมี ๑๐ ท่า ๑. ลูกบูสุ ๒. ลูกมือเดียว ๓. ลูกสองมือ ๔. ลูกตบอก ๕. ลูกซีกู ๖. ลู...

ฉับโผง

ฉับโผง ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  กระบี่ อุปกรณ์และวิธีเล่น ฉับโผง เป็นวัตถุประดิษฐ์ที่เด็กกระบี่ในสมัยก่อนนิยมเล่นกัน วิธีการประดิษฐ์นำไม้ไผ่ขนาดเล็ก มาตัดให้เหลือ ๑ ปล้องมีรูกลวงตรงกลางตลอดลำ (ยาวประมาณ ๑ คืบ) เรียกส่วนนี้ว่า "บอกฉับโผง"จากนั้นนำไม้ไผ่ความยาวประมาณ ๑.๕ คืบมาเกลาให้กลม ขนาดพอที่จะกระทุ้งเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ได้ พร้อมทั้งใช้ไม้ไผ่ขนาดเท่ากระบอกฉับโผงความยาวประมาณ ๐.๕ คืบ สวมโคนไม้ไผ่ส่วนที่ยาวเกินกระบอก ชิ้นส่วนนี้เรียกว่า "ด้ามจับ" วิธีการเล่น นำลูกพลา (ผลไม้ป่ามีลักษณะผลเป็นช่อคล้ายมะเขือพวงแต่ลูกเล็กกว่า) อัดเข้าไปในกระบอกฉับโผง แล้วมือข้างหนึ่งถือกระบอกมือข้างหนึ่งถือด้ามจับสอดปลายด้ามจับกระทุ้งไป ด้านหน้าแรงๆให้แรงอัดดันลูกพลาพุ่งออกไปนอกกระบอก โอกาสและเวลาที่เล่น การเล่นฉับโผงไม่จำกัดโอกาสและเวลาที่เล่น สามารถใช้เล่นยิงกันแทนปืนหรือยิงวัตถุที่เป็นเป้าได้ทุกโอกาส คุณค่าและแนวคิด การเล่นฉับโผงส่วนใหญ่แล้วนิยมเล่นกันเป็นกลุ่มๆก่อให้เกิดความสามัคคีใน หมู่คณะฝึกความแม่นยำและฝึกความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือและเป็นการฝึกให้ เด็กๆได้นำวัสดุจากธร...

กรือโต๊ะ

  กรือโต๊ะ ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  นราธิวาส อุปกรณ์และวิธีการเล่น กรือโต๊ะ เป็นการละเล่นชนิดหนึ่งของชาวไทยมุสลิม แหล่งที่นิยมเล่นกันมาก คือ แถบอำเภอแว้ง อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส อุปกรณ์ในการละเล่นกรือโต๊ะ จะมีกรือโต๊ะซึ่งประกอบด้วย ๓ ส่วนด้วยกัน คือ ตัวกรือโต๊ะ เด๊าว์หรือใบ และไม้ตีตัวกรือโต๊ะ ทำจากไม้เนื้อแข็งที่เรียกว่า "ไม้ตาแป" จะเอาไม้ตาแปมาตากแดดให้แห้งสนิทแล้วนำมาตัดให้ได้ขนาดแล้วใช้สิวขุดให้เป็น หลุม ลักษณะของหลุมที่นิยมคือ หลุมปากแคบ และป่องตรงกลาง ภายนอกจะตกแต่งหรือกลึงอย่างสวยงามมีการทาสี สีที่นิยมทากันคือ สีฟ้า สีขาว สีเหลือง หรือทาน้ำมันชักเงาให้สวยงาม เด๊าว์ หรือ เรียกว่า ใบ หรือลิ้นเสียง จะทำจากไม้ตาแปที่แห้งสนิทดีเช่นเดียวกับกรือโต๊ะ กรือโต๊ะใบหนึ่ง ๆ มีเด๊าว์ ๓ อัน คือทำเป็นเสียงต่ำ เสียงกลาง และเสียงสูง อย่างละอัน ขนาดของเด๊าว์ยาวประมาณ ๒-๓ ฟุต กว้างประมาณ ๖-๘ นิ้ว ส่วนความยาวตามความชำนาญของผู้ใช้เล่น ไม้ตี ทำจากไม้เนื้อแข็ง ขนาดของไม้พอจับถือได้ถนัด ยาวประมาณ ๑ ฟุต ปลายด้ามที่ใช้ตี จะพันด้วยเส้นยางพาราเป็นหัวกลมขนาดโตก...

ขว้างราว

  ขว้างราว ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  กระบี่ อุปกรณ์และวิธีเล่น ขว้างราว เป็นการเล่นที่นิยมของเด็กในจังหวัดกระบี่ กล่าวคือ นำไม้ไผ่มาผ่าเกลาให้ มีขนาดกว้าง ๑ นิ้ว ยาว ๓๐ เซนติเมตร ทำเป็นราว การเล่นไม่จำกัดจำนวนผู้เล่นส่วนใหญ่ประมาณ ๓-๕ คน นำราวมาตั้งโดยมีหินรองปลายราวทั้ง ๒ ข้างให้สูงจากพื้นดินประมาณ ๓ นิ้ว แล้วขีดเส้นเป็นเขตสำหรับยืนขว้างให้ห่างจากราวประมาณ ๕ เมตร หลังจากนั้นก็นำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไปวางบนราวตามที่ได้ตกลงกันว่าวางคนละ กี่เมล็ด จากนั้นก็เริ่มขว้าง ถ้าคนแรกขว้างถูกและควํ่าหมดถือว่าจบเกมส์คนขว้างจะได้เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ทั้งหมด ผู้เล่นแต่ละคนต้องนำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไปวางบนราวใหม่ แต่ถ้าขว้างไม่ถูกหรือควํ่าไม่หมดคนที่สองก็ขว้างต่อ จนกระทั่งควํ่าหมดจึงเริ่มเล่นใหม่ โอกาสและเวลาที่เล่น การเล่นขว้างราว นิยมเล่นกันในช่วงฤดูที่มะม่วงหิมพานต์ออกผล ไม่จำกัดเวลาในการเล่น คุณค่าและแนวคิด การเล่นขว้างราวเป็นการฝึกสมาธิ ความแม่นยำและความสัมพันธ์กันระหว่างสายตากับมือ และก่อให้เกิดความสามัคคีกันในหมู่คณะ

เพลงนา

  เพลงนา ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ชุมพร อุปกรณ์และวิธีการเล่น ในการเล่นเพลงนาใช้ผู้เล่น ๑ คู่ ถ้าจะมีมากกว่านี้ก็ต้องเป็นจำนวนคู่แต่ที่นิยมกันมักไม่เกิน ๒ คู่ แต่ละคู่จะมีแม่เพลงคนหนึ่งทำหน้าที่ร้องนำ เรียกว่า "แม่คู่" มีผู้รับหรือ "ทอย" คนหนึ่งเรียกว่า "ท้ายไฟ" ถ้าผู้เล่นมีคู่เดียว บทที่ร้องมักเป็นบทชมบทเกี้ยวและบอกกล่าวเรื่องราวต่าง ๆ แต่ถ้าเล่น ๒ คู่ มักจะเป็น "กลอนรบ" หรือ บท "ฉะฟัน" คือร้องเพลงโต้ตอบกัน โดยต่างฝ่ายต่างหยิบยกเอาปมด้อยของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาว่าและว่ากันอย่างเจ็บ แสบ การร้องโต้ตอบนี้ท้ายไฟของฝ่ายใดก็จะทำหน้าที่รับทอยของฝ่ายนั้น การเล่นเพลงนาจะเล่นกันเป็นกลอนสดหรือกลอนปฏิภาณ ผู้เล่นจะต้องมีสติปัญญาและไหวพริบดี การเล่นไม่มีดนตรีใด ๆ ประกอบ ลักษณะบทกลอนที่ใช้เป็นกลอนสิบคือวรรคหนึ่ง ๆ นิยมบรรจุให้ได้ ๑๐ คำ แต่อาจยืดหยุ่นเป็น ๘-๑๑ คำก็ได้ กลอนเพลงนาจะบังคับคณะ โดยให้กลอนสามวรรคเป็น "หนึ่งลง" กลอนหกลงเป็น "หนึ่งลาง" คือจบ ๑ กระทู้ เว้นแต่บทไหว้พระ ซึ่งจะจบเพียงสามลงเท่านั้น คือไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สำห...