ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ลูกโยน หรือลูกช่วง

 ลูกโยน หรือลูกช่วง

ภาค     ภาคเหนือ
จังหวัด  กำแพงเพชร
อุปกรณ์การเล่นและวิธีการเล่น
อุปกรณ์การเล่น
ลูกโยน ทำด้วยผ้าผืนเช่น ผ้าขาวม้า นำมาม้วนพันชายข้างหนึ่งแล้วห่อมัดด้วยชายอีกข้างหนึ่ง ต้องมัดให้เหลือชายผ้าสำหรับจับโยน ๑ ลูก แบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย นิยมให้ฝ่ายหนึ่งเป็นชายอีกฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงจำนวนผู้เล่นฝ่ายละประมาณ ๕-๑๐ คนขีดเส้นกั้นแดนมิให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล่วงข้ามแดนกัน
วิธีการเล่น มี ๔ ขั้นตอน ดังนี้
๑. การเริ่มต้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้เริ่มโยนลูกโยนก่อนก็ได้ ถ้าฝ่ายชาย เป็นฝ่ายเริ่ม ฝ่ายชายก็จะโยนลูกโยนข้ามไปยังแดนฝ่ายหญิง หากไม่มีผู้ใดรับลูกโยนได้ ลูกโยนตกถึงพื้น ฝ่ายหญิงจะหยิบลูกโยนขึ้นมาโยนกลับไปยังฝ่ายชาย แต่หากฝ่ายหญิงรับลูกโยนได้ก่อนตกถึงพื้น ก็จะขว้างลูกโยนข้ามไปให้ถูกตัวฝ่ายชายถ้าขว้างไปแล้วไม่ถูกใคร และลูกโยนตกถึงพื้น ฝ่ายชายจะหยิบลูกโยนขึ้นมาโยนกลับไปข้างฝ่ายหญิง สลับกันไปมา
๒. สภาพเป็นเชลย หากผู้เล่นคนใดปล่อยให้ลูกโยนที่ฝ่ายตรงข้ามรับได้และขว้างกลับมาถูกส่วนใด ส่วนหนึ่งของร่างกาย ผู้เล่นคนนั้นจะตกเป็นเชลยของฝ่ายตรงข้าม ต้องข้ามแดนไปยืนคอยรับลูกช่วงในแดนฝ่ายตรงข้าม เชลยต้องพยายามหลบหลีกจากการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามเพื่อจะรับลูกโยนที่ฝ่าย ตนพยายามโยนมาให้ ขณะเดียวกัน ฝ่ายเจ้าของเชลยก็ต้องพยายามกันไม่ให้เชลยรับลูกโยนได้
๓. การพ้นสภาพเชลย เมื่อเชลยรับลูกโยนที่โยนมาจากฝ่ายของตนได้เมื่อใด ก็จะทำให้ลูกโยนนั้นไปสัมผัสฝ่ายตรงข้าม จะโดยวิธีตี หรือขว้างก็ได้ แต่ต้องระวังไม่ให้ลูกโยนสัมผัสพื้นก่อนสัมผัสฝ่ายตรงข้าม มิฉะนั้นจะหมดสิทธิ์พ้นการเป็นเชลยในคราวนั้น เมื่อลูกโยนสัมผัสร่างกายผู้ใด ผู้นั้นก็จะกลายเป็นเชลยของอีกฝ่ายหนึ่ง สลับกันไปมาและจะพ้นสภาพการเป็นเชลยได้ในกรณีเดียวกัน
๔. การสิ้นสุดการละเล่น เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกเป็นเชลยจนไม่มีผู้เล่นเหลือในแดนของตนแล้ว ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายแพ้ และถูกปรับให้ทำตามที่ฝ่ายชนะต้องการ

โอกาสที่เล่น
นิยมเล่นในช่วงงานประเพณีสงกรานต์ เวลากลางวัน หรือเวลาเย็น
คุณค่า
ผู้เล่นได้รับความสนุกสนาน กระบวนการเล่นเสริมสร้างความสามัคคี ความรักพวกพ้องและรู้จักช่วยเหลือพวกพ้องเมื่อมีภัย เป็นการส่งเสริมความมั่นคงในสังคม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การละเล่นพื้นบ้าน 4 ภาค: ภาคกลาง หมากเก็บ

 การละเล่นพื้นบ้าน 4 ภาค: ภาคกลาง หมากเก็บ    จำนวนผู้เล่น   2 - 4 คน วิธีเล่น ใช้ก้อนกรวดที่มีลักษณะกลมๆ 5 ก้อน เสี่ยงทายว่าใครจะเล่นก่อน โดยวิธีขึ้นร้าน คือ ถือหมากทั้งห้าเม็ดไว้แล้วโยนพลิกหงายหลังมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับอีกที ใครเหลือหินอยู่ในหินอยู่ในมือมากที่สุดคนนั้นเล่นก่อน มีทั้งหมด 5 หมาก หมากที่ 1 ทอดหมากให้ห่างๆ กัน เลือกลูกนำไว้ 1 เม็ด ควรใช้เม็ดกรวดที่ห่างที่สุด โยนเม็ดนำขึ้นแล้วเก็บทีละเม็ดพร้อมกับรับลูกนำที่หล่นลงมาให้ได้ ถ้ารับไม่ได้ถือว่า "ตาย" ขณะที่หยิบเม็ดที่ทอดนั้น ถ้ามือไปถูกเม็ดอื่นถือว่า ตาย หมากที่ 2 เก็บทีละ 2 เม็ด หมากที่ 3 เก็บทีละ 3 เม็ด หมากที่ 4 ใช้โปะ ไม่ทอด คือ ถือหมากทั้งหมดไว้ในมือ โยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้นแล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้ "ขี้นร้าน" ได้กี่เม็ดเป็นแต้มของคนนั้น ถ้าขึ้นร้านเม็ดหล่นหมด ใช้หลังมือรับไม่ได้ ถือว่า "ตาย" ไม่ได้แต้ม คนอื่นเล่นต่อไป ถ้าใครตายหมากไหนก็เริ่มต้นหมากนั้น ส่วนมากกำหนดแต้ม 50-100 แต้ม เมื่อแต้มใกล้จะครบ เวลาขึ้นร้านต้องคอยระวังไม่ให้เกินแต้มที่กำหนด ถ้าเกินไปเท่าไร หมายถึงว่าต้องเร...

การเล่นเพลงยิ้มใย

 การเล่นเพลงยิ้มใย ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  สุโขทัย เพลงยิ้มใย ปัจจุบันหาผู้ร้องได้น้อยลงทุกที ลักษณะการร้อง คือ จะมีลูกคู่ร้องสอดรับคำว่า เชียะ เชียะ เชียะ ที่ท่อนกลางของเนื้อร้องท่อนที่หนึ่งกับร้องรับทวนซ้ำสองบทหลังสอง ครั้งแล้วจึงลงคำว่า เอ๋ยแล้วเอย นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเพลงยิ้มใยสุโขทัย ไม่พบที่ใด เพลงหน้าใยของทางภาคกลางก็มีลักษณะต่างกัน แต่เรียกชื่อคล้ายกันมาก ลักษณะการเล่น เป็นการเล่นของกลุ่มหนุ่มสาว การแต่งกาย แต่งกายอย่างชาวชนบทไทยในสมัยนั้น สถานที่ (ลานวัด และหมู่บ้านที่เป็นทางเดินแห่ขบวน) วิธีเล่น ในเทศกาลตรุษ สงกรานต์ก่อนจะสรงน้ำพระจะนำพระพุทธรูปใส่เกวียนแล้วแห่รอบหมู่บ้าน จากนั้นจึงนำไปสรง เพลงยิ้มใยนี้จะร้องเล่นกันไปในระหว่างแห่พระนั่นเอง เนื้อความทำนองร้องเล่นรื่นเริงสนุกสนาน ส่วนในเทศกาลออกพรรษา ทอดผ้าป่า ทอดกฐินนั้น ก็จะร้องเล่นกันไปในขณะเดินขบวน เพลง ลักยิ้มก็ฉันเอย นะพ่อคุณเอ๋ยยิ้มใย (ลูกคู่) เชียะ เชียะ เชียะ ตัดผมเรือนนอก ทัดแต่ดอกไม้ไหว ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถิดเอย (ลูกคู่) ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถิดเอย ตัดผมเรือนนอก ทัดแต่ดอกไม้ไหว ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถ...

วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว

 วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว (การเล่นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น) การเล่นวิ่งวัวหรือที่นิยมเรียกกันในปัจจุบันว่า วิ่งเปี้ยว อาจเป็นการวิ่งทางตรงสวนกันหรือวิ่งเป็นวงกลมเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งไล่ให้ทันอีกฝ่ายหนึ่ง วัตถุประสงค์ เพื่อฝึกความเร็วและความแข็งแรง เพื่อฝึกความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อการฝึกบริหารกาย อุปกรณ์ เสา 2 หลัก ผ้าเช็ดหน้า 2 ผืน ผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเท่า ๆ กัน รูปแบบ ปักหลัก 2 ข้าง หรือใช้คนนั่งเป็นหลัก ข้างละหลัก ระยะห่างประมาณ 50 หลา ผู้เล่นยืนเข้าแถวตอนด้านหลังหลักแต่ละข้าง  วิธีการเล่น เริ่มต้นพร้อมกันทั้งสองฝ่าย โดยผู้เล่นของแต่ละฝ่ายวิ่งอ้อมหลักไล่ให้ทันกัน มือถือผ้าคนละผืนเมื่อถึงฝ่ายของตนให้ส่งผ้าให้คนต่อไป ถ้าผ้าของใครตกต้องหยุดเก็บผ้าก่อน หรือคนต่อไปเก็บผ้าและถือไว้ วิ่งต่อไป ฝ่ายไล่ทันต้องใช้ผ้าที่ถืออยู่ตีอีกฝ่ายหนึ่งจึงถือว่า ฝ่ายนั้นชนะ ข้อเสนอแนะ ผู้เล่นคนใดถูกตีต้องรำตามเพลงที่ผู้ตีร้อง