ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

ลูกลม (กังหันลม) (อ่านว่า ลูก-ลม)

  ลูกลม (กังหันลม) (อ่านว่า ลูก-ลม) ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ตรัง อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. ใบลูกลม ใช้ใบมะพร้าว หรือกาบหมาก หรือใบเตย เลือกชนิดใดชนิดหนึ่งแล้วเฉือนใบให้ได้ขนาดกว้าง ๐.๕ นิ้ว ยาว ๔ นิ้ว บิดปลายทั้งสองให้เฉเล็กน้อยไปคนละทาง ตรงกลางใบลูกลมทำรูไว้เสียบหลอดสำหรับสวมเดือย ๒. หลอดลูกลม อยู่ตรงกลางของใบลูกลม สำหรับใส่ไม้ลูกลม และต้องหลวมเพื่อให้ใบลูกลมหมุนได้สะดวก ๓. ไม้ลูกลม ใช้สวมลงในเดือยให้ตั้งฉาก ๔. หางลูกลม นิยมทำด้วยทางระกำทั้งใบ ผูกติดกับไม้ลูกลม ๕. ลูกร้อง ใส่ลูกร้องตรงปลายใบลูกลมทั้ง ๒ ข้าง ลูกร้องทำด้วยไม้ไผ่มีรูที่เนื้อไม้บางที่สุด ตกแต่งปากลูกร้องด้วยชัน วิธีการเล่น หลังจากประกอบทำลูกลมเสร็จแล้ว จะนำลูกลมไปเสียบผูกไว้บนยอดไม้สูง ๆ เพื่อให้รับลมได้เต็มที่ ลูกลมจะหมุนและส่งเสียงร้องได้ยินไปไกล บางครั้งมีการแข่งขันการวิ่งลูกลมโดยถือลูกลมวิ่งฟังเสียงดูว่าลูกลมอันไหน เสียงดังไพเราะ ลูกลมที่ถือว่าเสียงดีไพเราะจะต้องมีเสียงกลมและมีใยเสียง โอกาสและเวลาที่เล่น ชาวบ้านนิยมเล่นลูกลม หลังจากเก็บข้าวเสร็จแล้ว ในฤดูร้อนเพราะว่างจากการทำงาน พื้นดินแ...

หมากขุม

  หมากขุม ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  นครศรีธรรมราช อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ในการเล่น ๑). รางหมากขุม เป็นรูปเรือทำจากไม้ ยาวประมาณ ๑๓๐ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๒๐ เซนติเมตร มีหลุมเรียงเป็น ๒ แถว หลุมกว้างประมาณ ๗ เซนติเมตร ลึกประมาณ ๔ เซนติเมตร มีด้านละ ๗ หลุม เรียกหลุมว่า เมือง หลุมที่อยู่ปลายสุดทั้งสองข้างเป็นหลุมใหญ่กว้างประมาณ ๑๑ เซนติเมตร เรียกว่า หัวเมือง ๒) ลูกหมาก นิยมใช้ลูกสวดเป็นลูกหมาก ใส่ลูกหมากหลุมละ ๗ ลูก จึงต้องใช้ลูกหมาก ในการเล่น ๙๘ ลูก ๓) ผู้เล่นมี ๒ คน วิธีการเล่น ๑) ผู้เล่นนั่งคนละข้างกับรางหมากขุม แต่ละคนใส่ลูกหมากหลุมละ ๗ ลูก ทั้ง ๗ หลุม ส่วนหลุมหัวเมืองไม่ต้องใส่ให้เว้นว่างไว้ ๒) การเดินหมาก ผู้เล่นจะเริ่มเดินพร้อมกันทั้ง ๒ ฝ่าย เรียกว่า แข่งเมือง โดยหยิบลูกหมากจากหลุมเมืองของตนหลุมใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะหยิบหลุมสุดท้ายของฝ่ายตนเอง เพราะคำนวนว่าเม็ดสุดท้ายจะถึงหัวเมืองของตนพอดี การเดินหมากจะเดินจากขวาไปซ้าย โดยใส่ลูกหมากลงในหลุม ถัดจากหลุมเมืองที่หยิบลูกหมากขึ้นมาเดิน ใส่ลูกหมากหลุมละ ๑ เม็ด รวมทั้งใส่หลุมหัวเมืองฝ่ายตนเอง แล้ววนไปใส่หลุมของฝ่...

เป่ากบ

  เป่ากบ เป่ากบ : การละเล่นของเด็ก ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  นราธิวาส อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. ยางวง (ยางเส้น) วงใหญ่ หรือวงเล็กก็ได้ แล้วแต่ความชอบและความถนัด ๒. ผู้เล่นจำนวนตั้งแต่ ๒ คน หรือมากกว่า เล่นทั้งเด็กชายและเด็กหญิงบางครั้งอาจเล่นเป็นทีมก็ได้ ๓. สถานที่ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ วิธีการเล่น เป่ากบเป็นการเล่นอย่างหนึ่งของเด็ก เล่นกันทั้งเด็กชายและหญิง ผู้เล่นมีจำนวน ๒ คน หรือเป็นทีมก็ได้ สถานที่เล่น ในที่ร่ม ใช้พื้นที่เรียบ ๆ เช่น พื้นซีเมนต์ พื้นกระดาน หรือพื้นโต๊ะ ซึ่งผู้เล่นจะเอายางเส้น (ยางวง) จะเป็นวงเล็กหรือวงใหญ่ หรืออาจจะเป็นวงสีต่าง ๆ อยู่ที่ความชอบ ได้แก่ สีเขียว สีแดง สีน้ำตาล เป็นต้น นำมาวางบนพื้นคนละ ๑ เส้น ให้อยู่ห่างกันประมาณ ๑ ฟุต ผู้เล่นจะผลัดกันเป่ายางเส้น (ยางวง) ของตนไปข้างหน้าทีละน้อย ๆ จนยางเส้นทั้งสองมาอยู่ใกล้กันผุ้เล่นคนใดเป่าให้ยางเส้นของตนไปทับยางเส้น ของฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะเป็นผู้ชนะ ฝ่ายแพ้จะต้องจ่ายรางวัลให้กับผู้ชนะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นยางเส้น (ยางวง) แต่อาจให้รางวัลอื่น ๆ ก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน โอกาสหรือเว...

ร็องแง็ง

  ร็องแง็ง ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ปัตตานี อุปกรณ์และวิธีการเล่น เครื่องดนตรีประกอบการเล่นร็องแง็งมี รำมะนา ฆ้อง ไวโอลิน เดิมมีเพียง ๓ อย่าง ต่อมาเพิ่มกีต้าร์ การเล่นร็องแง็ง เดิมนิยมเต้นกันในหมู่บ้านขุนนางไทยมุสลิม และแพร่หลายมาสู่ชาวบ้าน โดยอาศัยการแสดงมะโย่ง ร็องแง็งจะเต้นช่วงพักการแสดงมะโย่ง ซึ่งจะพัก ๑๐ - ๑๕ นาที เมื่อดนตรีร็องแง็งขึ้น ฝ่ายหญิงที่แสดงมะโย่งจะลุกขึ้นเต้นจับคู่กันเองและเพื่อให้เกิดความสนุก สนานยิ่งขึ้นจึงได้เชิญผู้ชายซึ่งเป็นผู้ชมเข้ามาร่วมวงด้วย ต่อมามีการจัดตั้งคณะร็องแง็งแยกต่างหากจากมะโย่ง ปัจจุบันการเต้นร็องแง็ง ผู้เต้นประกอบด้วยชาย - หญิงฝ่ายละ ๕ คน โดยเข้าแถวแยกเป็นชายแถวหนึ่ง หญิงแถวหนึ่ง ยืนห่างกันพอสมควร ความสวยงามของการเต้นร็องแง็งอยู่ที่ลีลาการเคลื่อนไหวของเท้า มือ ลำตัวและลีลาการร่ายรำ ตลอดจนการแต่งกายของคู่ชาย – หญิงและความไพเราะของเสียงดนตรี โอกาสหรือเวลาที่เล่น เดิมร็องแง็งแสดงในการต้อนรับแขกเมืองในงานพิธีต่าง ๆ ต่อมานิยมแสดงในงานรื่นเริง เช่น งานประจำปี ฯลฯ คุณค่า/แนวคิด/สาระ ร็องแง็งเป็นศิลปะชั้นสูงที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยท...

ตาหยี

ตาหยี ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  ยะลา ตาหยีเป็นการละเล่นของเด็ก ๆ ทั้งหญิงและชาย นิยมเล่นกันมาประมาณ ๒๐๐ ปีเศษมาแล้ว เป็นการละเล่นที่มีการแข่งขันกันมีแพ้มีชนะขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละ ฝ่าย อุปกรณ์และวิธีการเล่น ไม้ไผ่ เมล็ดทุเรียนขนาดใหญ่ และเชือก เมล็ดทุเรียนนิยมเก็บมาไว้ประมาณ ๔ - ๕ วัน เพื่อให้เมล็ดเหี่ยว เหนียว และทนทาน ส่วนเชือกนิยมใช้เถาวัลย์ชนิดหนึ่ง เรียกว่า เมื่อย เอามาใช้ทำเดือย วิธีการเล่น ประกอบด้วยเครื่องเล่น คือ ทั้งสองฝ่ายเอาเมล็ดทุเรียนของตนมาเจาะด้วยไม้แหลมที่ด้านปลายเมล็ด เจาะให้ทะลุถึงกันแล้วร้อยเชือกไว้ เอาไม้ไผ่มาผ่าซีกขนาดพอเหมาะ โดยใช้ไม้ไผ่ช่วงระหว่างข้อต่อของลำไม้ไผ่ เฉือนให้ด้านหนึ่งป้านและคม ส่วนอีกด้านหนึ่งแหลมคม ส่วนนี้เรียกว่าเขาหรือตานุ บ้างก็นิยมทำตานุด้วยงาช้าง เขาควาย หรือเหล็กก็มี และส่วนที่แหลมคมนี้เองใช้ปักหรือตัดเมล็ดทุเรียนของคู่ต่อสู้ได้ ดังนั้นต้องเอาด้านแหลมของตานุ เสียบเมล็ดทุเรียนตามยาว (ดังภาพ) เมื่อทั้งสองฝ่ายเตรียมอุปกรณ์ของตนเองพร้อมแล้ว ก็จะลองความคมของตานุ โดยหมุนตีเม็ดทุเรียนดูก่อน มักนิยมเล่นบนพื้นทรายก่อนเล่นมีการ...

กลองดิน

 กลองดิน ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  ลำปาง อุปกรณ์และวิธีการเล่น อุปกรณ์ ๑. เสียม ๒. แผ่นโลหะ เช่น ฝาปี๊บ ฝาหม้ออะลูมิเนียม แผ่นสังกะสี ๓. สายเสียง ทำจากเถาวัลย์หรือเชือก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกินครึ่งเซนติเมตร ยาวประมาณ ๑ เมตร ๔. หลักสายหรือหลักขึงสาย ทำจากกิ่งไม้ ยาวประมาณหนึ่งคืบ จำนวน ๒ หลัก ๕. หลักเสียง ทำจากกิ่งไม้ ยาวประมาณ ๑ คืบ หรืออาจยาวกว่านี้ จำนวน ๒ อัน ๖. ไม้ตี ทำจากเศษไม้หรือกิ่งไม้ ขนาดเล็กกว่านิ้วมือ ยาวพอเหมาะจำนวน ๒ อัน วิธีทำ ๑. ขุดดินให้ปากหลุมกว้างประมาณ ๑ คืบ หรือเล็กกว่านี้ก็ได้ ความลึกไม่น้อยกว่า ๑ คืบ และให้ก้นหลุมมีความกว้างเป็นสองเท่าของปากหลุม ๒. นำฝาปี๊บหรือฝาหม้อปิดปากหลุม ๓. ขึงหลักสายให้ห่างจากปากหลุมประมาณ ๑ คืบ อีกหลักหนึ่งห่างออกไปประมาณ ๒ คืบ หรืออาจมากน้อยกว่านี้ก็ได้ โดยมีหลักการอยู่ว่าต้องห่างจากปากหลุมไม่เท่ากัน ๔. นำฝาหม้อ ฝาปี๊บ หรือแผ่นสังกะสีปิดปากหลุม ๕. เอาเถาวัลย์ขึงกับหลักสาย ไม่ต้องดึง ให้หย่อนพอที่จะเอาหลักเสียงสอดได้ ๖. เอาหลักเสียงสอดเข้ากับสาย โดยให้หลักเสียงตั้งอยู่บนฝาหรือแผ่นโลหะค้ำสายเสียงหรือเถาวัลย์ไว้ ...

เพลงปรบไก่

  เพลงปรบไก่ ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  นครปฐม เพลงปรบไก่ เป็นการละเล่นบ้านของชาวบ้านจังหวัดนครปฐม ซึ่งมีเล่นอยู่ที่ ตำบลสระกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ผู้ที่เป็นแม่เพลง ในการเล่นเพลงปรกไก่ ชื่อนางกุหลาบ เครืออยู่ อยู่บ้านเลขที่ ๑๖ หมู่ที่ ๘ ตำบลสระกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม อุปกรณ์และวิธีการเล่น เริ่มต้นด้วยผู้เล่นเพลงปรบไก่ประมาณ ๑๐ คน นั่งยอง ๆ ลง ตรงบริเวณลานหน้าบ้านหรือลานวัดหรือหน้าศาลเจ้าที่มาแก้บน พนมมือ แล้วแม่เพลงจะร้องบทไหว้ครู โดยแม่เพลงร้องนำแล้วลูกคู่ตามทีละวรรค เมื่อจบบทไหว้ครูแล้วจะลุกขึ้นยืนเป็นวงกลม แล้วเริ่มร้องเพลงปรบไก่โดยแม่เพลง หรือพ่อเพลงจะเป็นผู้ร้องลูกคู่จะปรบมือเป็นจังหวะ และในตอนจบบทลูกคู่จะร้องเพลงรับว่า "ฉา ตะละลา ฉาฉา ฉาฉา ชะ" แล้วร้องทวนวรรคสุดท้ายที่จบบทด้วยในขณะที่ร้องเพลงทุกคนจะเดินช้า ๆ เข้าจังหวะที่ปรบมือเดินเป็นวงไปเรื่อย ๆ เนื้อร้องเพลงปรบไก่บทหนึ่งจะมี ประมาณ ๓-๔ บท และลูกคู่จะต้องรับทุกบท เมื่อจบบทของทำนองเพลงปรบไก่ ๓-๔ บท ทุกคนก็จะหยุดเดินและแม่เพลงหรือพ่อเพลงก็จะร้องส่งเพลง โดยจะร้องจากเนื้อหาของวรรณคดีเรื่องต่...

การเล่นโม่ง

 การเล่นโม่ง ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  กาญจนบุรี วิธีการเล่น ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น และแบ่ง ๒ ฝ่าย ชาย หญิง ดังนี้ ๑. การเล่นโม่งให้ สมมุติฝ่ายชาย ๑ คน เรียกว่าเป็นตัวโม่ง เมื่อเริ่มเล่นก็จะวิ่งไล่จับฝ่ายหญิงคนใดคนหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดรอบ ๆ บริเวณพื้นที่เล่นใต้ร่มไม้หรือใต้ถุนบ้าน เมื่อตัวโม่งจับฝ่ายหญิงได้แล้ว จะเอามือทุบหลังฝ่ายหญิงเบา ๆ แล้วพูดว่า "โม่ง" พร้อมกับบอกชื่อฝ่ายชายคนที่ตนต้องการให้ฝ่ายหญิงมาโม่งต่อ เมื่อฝ่ายหญิงทราบชื่อฝ่ายชายแล้วก็ช่วยกันไล่จับและโม่งหลังชาย พร้อมกับบอกชื่อหญิงฝ่ายตนแล้วผลัดกันเป็นตัวโม่งกันไปเรื่อย ๆ ๒. การเล่นโม่งติด วิธีการเล่นแบ่งเป็น ๒ ฝ่ายเช่นเดียวกัน เมื่อฝ่ายไหนเป็นตัวโม่งก็จะพยายามดึงฝ่ายตรงข้ามให้หลุดออกมา ๑ คน (ในขณะที่ฝ่ายนั้นก็จะพยายามติดตัวกันไว้อย่างเหนียวแน่นมิให้หลุดแยกออก เป็นคนเดียวได้) เมื่อฝ่ายเป็นตัวโม่งพยายามดึงหลุดออกมาได้แล้วก็จะใช้มือทุบหลังและพูดคำ ว่า "โม่ง" เช่นกัน บุคคลนั้นก็จะเป็นตัวโม่งและฝ่ายของตนก็จะช่วยกันดึงฝ่ายตรงข้ามให้หลุดออก มาและโม่งกันเรื่อยไป จนกว่าจะตกลงกันว่าเล...

เพลงระบำหรือเพลงระบำ(บ้านนา)

 เพลงระบำหรือเพลงระบำ(บ้านนา) ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  นครนายก อุปกรณ์ และวิธีการเล่น อุปกรณ์การเล่น เพลงระบำ(บ้านนา) ไม่มีอุปกรณ์การเล่น ใช้การปรบมือเป็นจังหวะเท่านั้น วิธีการเล่น ๑. ผู้เล่นแบ่งเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เรียกว่าพ่อเพลงและแม่เพลง มีลูกคู่ประมาณ ๒-๕ คนขึ้นไป ๒. เริ่มร้องโดยมีเนื้อหาในการดำเนินเรื่องเป็นชุด ๆ ตั้งแต่ไหว้ครูชาย เกริ่นชวนหญิงออกมารำ แม่เพลงไหว้ครู เริ่มว่าบทแต่งตัว ซึ่งหมายความว่าจะออกไปพบ จากนั้นจึงร้องโต้ตอบกันไปอาจมีบทเบ็ดเตล็ด เช่น แฝง(แขวง) นา ไก่ ปรุงอาหาร เกวียน หรือเล่นเป็นเรื่องราว เช่น สิงหไตรภพ สังข์ทอง เป็นต้น เมื่อจะจบมีบทลาจาก ๓. ขณะเล่นมีการร้องเพลงและปรบมือให้จังหวะขอลูกคู่และจะร้องรับว่า แถวรำเจ้าเอย รำเอย รำแน่ะ ไม้ลาย เขารำงามเอย พ่อเพลงฝ่ายชายร้องลูกคู่ชายจะรับสอดว่าชาไว้ ส่วนลูกคู่หญิงมักรับว่า ฉาดซา หรือ ชาไว้ โอกาสที่เล่น นิยมเล่นในงานตรุษสงกรานต์ งานสารท งานบวช และงานรื่นเริงอื่น ๆ เวลาที่เล่นตั้งแต่เวลา ๒๐.๐๐ นาฬิกาขึ้นไป คุณค่า/แนวคิด ผู้เล่นได้รับความสนุกสนาน ฝึกปฏิภาณไหวพริบ สร้างความรัก สามัคคีใ...

ชักเย่อ

  ชักเย่อ ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  ฉะเชิงเทรา อุปกรณ์การเล่นและวิธีการเล่น วิธีการเล่น แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่าย ๆ ละกี่คนก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน เมื่อแบ่งพวกได้แล้วก็ขีดเส้นแบ่งแดน หัวแถว (ถ้าเป็นชายเรียกพ่อหลัก ถ้าเป็นหญิงเรียกแม่หลัก) ของทั้งสองฝ่ายเหยียดแขนจับไม้ยึดแนวขนานกับพื้นทั้งสองมือ ไม้จะนอนขนานกับเส้นแบ่งแดน ลูกน้องของแต่ละฝ่ายเกาะเอวหัวแถวเรียงต่อ ๆ กัน เริ่มเล่นต่างฝ่ายพยายามดึงให้ฝ่ายตรงข้ามหลุดล้ำเข้ามาในแดนตน ฝ่ายใดหลุดล้ำถือเป็นฝ่ายแพ้ เมื่อแพ้ทั้งสองฝ่ายก็จะเริ่มต้นเล่นเพลงระบำกัน พอจบก็เริ่มชักเย่อกันใหม่ โอกาสที่เล่น ชักเย่อเป็นการละเล่นประกอบเพลงระบำเช่นเดียวกันช่วงรำ ที่ชาวบ้านหัวสำโรงเล่นในวันสงกรานต์เช่นกัน คุณค่า ในอดีตกิจกรรมที่สามารถเป็นสื่อชักนำให้หนุ่มสาวได้มาพบกัน ก็คืองานบุญและการละเล่นหลังทำบุญการเล่นชักเย่อก็เช่นกัน ทำให้หนุ่มสาวได้พบหน้าเกี้ยวพาราสีและสนุกสนานด้วยกัน แต่ปัจจุบันคนหนุ่มสาวมีโอกาสพบกันโดยไม่มีข้อจำกัด

หลุมเมือง

  หลุมเมือง ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  ปราจีนบุรี อุปกรณ์และวิธีการเล่น วิธีเล่น ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่คนละข้างหลุม (จำนวนหลุมมีไม่จำกัด) ตกลงกันว่าจะกองทุนคนละเท่าใด เอาเบี้ยหรือสิ่งอื่นใช้แทนเบี้ยมารวมกัน แล้วหยอดใส่หลุมไว้หลุมละเท่าๆ กันแต่ หลุมหน้าผู้เล่นทั้งสองต้องมากกว่าหลุมอื่น ซึ่งเรียกว่า หลุมเมือง เมื่อเริ่มเล่นฝ่ายใดเริ่มก่อนจะหยอดเบี้ยใส่หลุมไปเรื่อยๆ ตามลำดับจนหมดเบี้ย เมื่อหมดเบี้ยในมือก็หยิบเอาเบี้ยในหลุมถัดไปหยอดต่อทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบหลุมว่าง ผู้เล่นคนแรกจึงมีสิทธิกินเบี้ยทั้งหมดในหลุมถัดไป (ถัดจากหลุมว่าง) ผู้เล่นคนที่สองก็จะดำเนินการเล่นเหมือนคนแรก เมื่อพบหลุมว่างและกินเบี้ยหลุมถัดไป จึงผลัดกันเล่นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดทุนเลิกไป ผู้อื่นก็จะมาเล่นแทน โอกาสหรือเวลาที่เล่น นิยมเล่นในเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลสงกรานต์ ในปัจจุบันไม่ค่อยมีผู้ใดรู้จัก แต่ก็ยังมีการเล่นอยู่บ้างในเขตตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี คุณค่า/แนวคิด/สาระ ลักษณะการเล่น เล่นเชิงพนันขันต่อ และเพลิดเพลินกับบรรยากาศในเทศกาลนั้นๆ มิได้คำนึงถึงเวลาหรือกังวลภา...

เพลงเป๋

  เพลงเป๋ ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  ระยอง อุปกรณ์และวิธีเล่น เพลงเป๋ เป็นการละเล่นพื้นบ้านอย่างหนึ่งของชาวบ้านเก่า ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เพลงเป๋มีลักษณะคล้ายเพลงอีแซวหรือเพลงฉ่อยของภาคกลาง แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว ทำนองและสำเนียงการร้องต่างออกไป ตามประวัติกล่าวไว้ว่า ผู้นำเพลงมาเผยแพร่เป็นคนขาเป๋ ชาวบ้านเลยเรียกกันว่า เพลงเป๋ การเล่นเพลงเป๋จะแบ่งผู้เล่นเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ร้องเกี้ยวพาราสีกัน ไม่มีดนตรีประกอบ มีแต่เสียงปรบมือให้จังหวะ แต่งกายคล้ายลำตัด โอกาสหรือเวลาที่เล่น สถานที่เล่นอาจเป็นบนเวที หรือลานวัด หรือลานกลางหมู่บ้านก็ได้ การเล่นเพลงเป๋มีบทเล่น เช่น บทไหว้ครู บทชมโฉม บทชวนหนี เป็นต้น ปัจจุบันเพลงเป๋ขาดการสืบสานต่อ โอกาสที่จะเล่นเพลงเป๋ก็มีน้อยเต็มทีแล้ว วิถีชีวิตได้เปลี่ยนจากสังคมเกษตรเป็นสังคมอุตสาหกรรม เพลงเป๋จึงเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เพียงแต่นำมาเล่นในบางโอกาส เป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น คุณค่า/แนวคิด/สาระ ผู้เล่นและผู้ชมได้รับความสนุกสนาน กระบวนการเล่นเป็นการเสริมสร้างความสามัคคี ความรักพวกพ้อง นอกจากนี้ยังเป็นการอนุรั...

การแข่งขันวัวลาน

  การแข่งขันวัวลาน ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  เพชรบุรี อุปกรณ์และวิธีการเล่น การแข่งขันวัวลานนี้ ชาวบ้านจะนำวัวมาวิ่งแข่งกันเป็นวงกลมในลานที่กำหนด โดยมีเสาเกียดซึ่งปักอยู่กลางถนนเป็นศูนย์กลาง ผูกเชือกพรวนของวัวแต่ละตัวเรียงกันตามลำดับ จากในเสาเกียดออกมาถึงริมลาน รวมจำนวน ๑๙ ตัว ซึ่งเจ้าของพวงวัวแต่ละพวงก็จะตระเตรียมวัวของตนมาทั้งวัวนอกและวัวในหรือ วัวรอง วัวรองหรือวัวใน จะมีทั้งหมด ๑๘ ตัว เป็นส่วนใหญ่ เจ้าของพวงวัวจะผูกวัวตามเชือกพรวนจากเสาเกียดกลางลานออกมา ตัวที่ฝีเท้าจัด แข็งแรง จะอยู่ด้านริมเชือกพรวน เป็นตัวที่ ๑๖, ๑๗, ๑๘ เพื่อเอาไว้วิ่งแข่งกับวัวนอกของพวงอื่นที่จะนำมาทาบประกบเป็นตัวที่ ๑๙ วัวนอก คือ วัวตัวที่เจ้าของพวงวัวถือว่าเก่งที่สุด มีกำลังมากและฝีเท้าจัด จะนำมาทาบกับวัวในของพวงวัวอื่น ผูกทับเป็นตัวที่ ๑๙ อยู่นอกสุดของลานเพื่อจะได้วิ่งแข่งกันเอาชนะวัวรองให้ได้ในการแข่งขันแต่ละ เปิด ซึ่งแน่นอนว่าวัวตัวนอกสุดที่เรียกว่าวัวนอกนี้จะเป็นวัวที่ต้องวิ่งทำระยะ ทางไกลที่สุดและมีฝีเท้าจัดที่สุด ถ้าวัวนอกวิ่งแซงวัวรองได้แล้วสามารถลากวัวรองตามไปอย่างไม่เป็นขบวนจนดิ้น...

บ่าขี้เบ้าทราย

 บ่าขี้เบ้าทราย ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  น่าน อุปกรณ์ ๑. กองทราย ๒. ลูกขี้เบ้าทราย ลูกขี้เบ้าทำมาจากทรายที่ละเอียดพอควร หากเป็นทรายหยาบมักจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร ลูกขี้เบ้ามี วิธีทำ ๑.๑ นำทรายที่ละเอียดพอมาหนึ่งกำมือ เอาน้ำใส่ในทราย พอปั้นเป็นรูปกลม ๆ ได้ น้ำไม่ควรมากเกินและน้อยเกินไป เพราะการปั้นทรายให้เป็นรูปกลม ๆ ต้องใช้น้ำให้พอเหมาะ ๑.๒ พอปั้นทรายให้เป็นรูปกลม ๆ แล้ว นำทรายนั้นมาคลุกกับทรายอีกจนแข็ง หาก ทำให้เนื้อทรายผิวนอกเกิดสีผิวคล้ำเข้มกว่าผิวปกติ จะแข็งมากกว่าลูกอื่น ๆ และจะให้แข็งขึ้นไปอีกก็ต้องนำไปฝังดินหรือทรายให้นานกว่า ๔ - ๕ วันขึ้นไป วิธีการเล่นลูกขี้เบ้า มีอยู่ ๒ วิธี คือ ๑. เล่นแบบ ๒ ลูก คือ ในกองทรายให้ขุดหลุมลงไปให้มีทางยาวเป็นหนึ่งทาง ให้ตรงกลางหลุมลึกกว่าตรงปลายหลุม แล้วให้ลูกขี้เบ้าของเด็กสองคนมาชนกัน หากใครเป็นฝ่ายแตกฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายแพ้ไปทำมาเล่นใหม่ ๒. เล่นแบบ ๔ ลูก คือ การเล่นแบบที่ ๑ แต่มีลูกขี้เบ้าทรายมากกว่า ๒ นี้ ผู้เล่นต้องขุดหลุมเป็นทางมากกว่า ๑ ทางขึ้นไป เช่น เล่นแบบ ๔ ลูก ผู้เล่นก็มี ๔ คน ลูกขี้เบ้าคนละลูก ขุดหลุมทรายออกให้เป...

เบี้ยขี่โก่ง

  เบี้ยขี่โก่ง ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด     ตาก สถานที่เล่น ลานกว้าง อุปกรณ์ เบี้ย ก้อนหินที่มีลักษณะแบน จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่น ๑. ขุดหลุมให้พอเหมาะกับเบี้ย ๑ หลุม และขีดเส้นใต้ห่างจากหลุมให้พอเหมาะ ๒. ถ้าผู้เล่นมีไม่ครบคู่ให้เล่นคี่ก็ได้ ๓. จุดโยนเบี้ยต้องห่างจากหลุมไม่ต่ำกว่า ๕ เมตร ๔. ผู้เล่นต้องโยนหินให้ใกล้หลุมมากที่สุดหรือลงหลุมเลยก็ได้ ๕. ผู้ที่โยนเบี้ยไกลที่สุดจะถูกคนที่ใกล้หลุมมากที่สุดเก็บเบี้ยขึ้นมาแล้วโยน จากหลุมให้ข้ามเขต ๕ เมตร แล้วโยนเบี้ยให้ถูกคนที่อยู่ไกลหลุม ๖. ถ้าถูกคนนั้นก็จะขี่หลังของคนที่ตีเบี้ยโดนนั้น แล้วโยนหินบนหลังนั้นให้เข้าหลุมก็ได้ หรือไม่เข้าก็ต้องตีโดนเบี้ยนั้นให้ได้ ๗. ถ้าโยนไม่ถูก คนที่ได้ขี่หลังก็จะถูกคนที่ขี่หลังเก็บเบี้ยของตนแล้วมาตีให้ถูกเบี้ยของคน นั้นให้ได้ ถ้ายังไม่ถูกคนที่เหลือก็จะต้องตีให้ถูกหินของใครก็ได้แล้วคนที่ขี่หลังโยน หินต่อ แต่ถ้าไม่โดนสักคนก็เริ่มต้นใหม่ โอกาส เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เด็ก ๆ เล่นกันโดยทั่วไป

ปั่นหนังว้อง

  ปั่นหนังว้อง ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  กำแพงเพชร อุปกรณ์และวิธีเล่น การปั่นหนังว้อง คือการปั่นยางวงที่ใช้รัดของ เป็นการเล่นของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายเล่นโดยการจับคู่เล่นบนพื้นราบที่ ไม่สกปรก เช่น พื้นเรือน หรือบนโต๊ะ อุปกรณ์ที่ใช้คือ ยางรัดของจำนวนมากน้อยเท่าที่หาได้กติกาการเล่นมีอยู่ว่า หากผู้เล่นฝ่ายใดสามารถคลายยางรัดของออกจากกันเป็นเส้นปกติได้ ก็จะได้ยางรัดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ วิธีเล่น เริ่มจากการนำยางรัดของมาคนละเส้นประกบกันแล้วให้ฝ่ายหนึ่งใช้ส้นมือถูยาง รัดของที่ประกบกันนั้นโดยแรงให้ยางรัดทั้งสองเส้นบิดตัวพันกันจนแน่น แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งพยายามแกะให้คลายออกจากกัน ถ้าทำได้สำเร็จจะได้ยางรัดของไปเป็นของตน ถ้าทำไม่สำเร็จจะต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งทำแทน ผลัดกันเช่นนี้ไปจนกว่าจะมีผู้ทำสำเร็จ เมื่อเสร็จแล้วก็เริ่มต้นใหม่ไปเรื่อยๆ โอกาสหรือเวลาที่เล่น เป็นการละเล่นที่ใช้เล่นในยามว่าง คุณค่า / แนวคิด / สาระ การเล่นปั่นหนังว้อง เล่นได้ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง พ่อแม่สามารถให้ลูกเล่นในบ้านและคอยสังเกตพฤติกรรม นิสัยใจคอของลูก หากพบความผิดปกติจะแก้ไขได้ทันท่วงที นอกจากนี้ย...

ไก่ชน

 ไก่ชน   การชนไก่ หรือ ตีไก่ คือ การที่ไก่ตัวผู้สองตัวมาต่อสู้กันจนแพ้กัน การชนไก่เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคสมัยใดนั้นไม่สามารถสันนิษฐานได้ แต่มีผู้สันทัดกรณีบางท่านสันนิษฐานว่า แหล่งกำเนิดน่าอยู่ในทวีป เอเชียเพราะประเทศต่าง ๆ ในเอเซียนิยมเล่นไก่กันอย่างแพร่หลาย เช่น ไทย ลาว พม่า เขมร เวียดนาม จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดเนียเซีย เป็นต้น อีกทั้งการพบรูปสลักหินแสดงการชนไก่ที่ปราสาทหินนครวัดในประเทศกัมพูชาที่มี อายุเก่าแก่มากกว่าพันปี แสดงว่าการชนไก่มีมานานแล้ว ไก่จนที่แท้จริงต้องเป็นไก่ที่สืบเชื้อสายมาจากไก่อู ซึ่งมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในประเทศอินเดีย และไก่อูนี้เป็นเชื้อสายของไก่พันธุ์พื้นเมืองที่มีเชื้อสายมาจากไก่ป่า ไก่อูเป็นไก่ที่มีลักษณะพิเศษหลายอย่าง เช่น รูปร่างสง่า ปราดเปรียวว่องไว โครงกระดูกใหญ่แข็งแรง เนื้อแน่น นิสัยดุร้าย หากินเก่ง และ ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ไก่ชนิดนี้จะตรงกับตำราว่า ” อกชั้น บั้นชิด หงอนปิด ( หงอนหิน ) ปากร่อง ” ซึ่งเป็นตำราว่าด้วยลักษณะไก่ชนที่ดี และต้องเป็นสีประจำพันธุ์ดั้งเดิม คือ สีประดู่หางขาว สีเขียวปีกแมลงภู่และสีเหลืองเท่านั้น การเล่นไก่ขนขอ...

กว่าง

  กว่าง กว่างเป็นชื่อเรียกด้วงปีกแข็ง ชนิด Xylotrupes gideon ในวงศ์ DYNASTIDAE ตัวผู้มีเขายื่นไปข้างหน้าและโค้งเข้า ตอนปลายแยกเป็นสองแฉก ตัวเมียไม่มีเขา ชอบกินน้ำหวานจากอ้อยเป็นต้น กว่างเกดจากไข่ของแม่กว่างที่ฟักตัวในดิน มีชื่อเรียกตามรูปร่าง ตามขนาด และเรียกตามแหล่งที่เกิด มี กว่างโซ้ง กว่างแซม กว่างกิ กว่างอี่มูด ( อีอู้ด หรือ อี่หลุ้ม ) กว่างซาง กว่างก่อและกว่างหน่อตัวกว่างจะเริ่มขุดออกจากดินตั้งแต่ประมาณปลายเดือนกร กฏาคม เมื่อออกจากดินแล้วกว่างจะเที่ยวบินหากินและผสมพันธุ์ อาหารของกว่างมียอดพืชผัก ยอดหน่อไม้ และกล้วยต่าง ๆอาหารที่ชอบเป็นพิเศษคือ น้ำหวานจากอ้อย ตั้งแต่ ปลายเดือนกรกฏาคม – ตุลาคม เป็นเวลาที่ชาวบ้านชาวเมืองในสมัยก่อนมีเวลาว่างเพราะข้าวที่ปลูกไว้กำลัง ตั้งท้อง เมื่อว่างจากการงาน ผู้ชายจะสนุกกับการเล่นชนกว่างกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การที่จะได้ตัวกว่างหรือเลือกตัวกว่าง ได้จากการหาตามสุมทุมพุ่มไม้ หรือป่าในเขตของหมู่บ้าน ตามวัดร้างที่มีต้นไม้เครือเถาขึ้นปกคลุม โดยเฉพาะในเวลาเช้าจะหาได้ง่ายกว่าเพราะกว่างยังไม่เข้าไปหลบอยู่ใต้ใบไม้ เมื่อใช้ไม้แหย่กว่างจะทิ้งตัวลงดินหรือหญ้า...

ชนเผ่าอาข่า - ประเพณี ปีใหม่ลูกข่าง

ชนเผ่าอาข่า - ประเพณี ปีใหม่ลูกข่าง ประเพณี : ปีใหม่ลูกข่าง ปีใหม่ลูกข่างหรือ ค๊าท้องอ่าเผ่ว เป็นประเพณีเปลี่ยนฤดูกาลทำมาเลี้ยงชีพ ประเพณีนี้จะจัดขึ้นประมาณ เดือนธันวาคมของทุกปี ตรงกับเดือน อ่าข่า คือ “ท้องลาบาลา” คนทั่วไปนิยมเรียกประเพณีนี้ว่า ปีใหม่ลูกข่าง ประเพณีนี้สามารถแปลความหมายได้ดังนี้   “ค๊า” ให้ความหมายถึงการเพาะปลูก “ท้อง”ให้ความหมายถึงปี หรือฤดูกาล “พ้าเออ” ให้ความหมายว่า เปลี่ยนแปลง แลกเปลี่ยน เปลี่ยน ดังนั้น ถ้ารวมคำทั้งหมดก็จะแปลว่า ประเพณีเปลี่ยน ฤดูกาลเพาะปลูกมีจำนวนในการทำพิธีอยู่ 4 วัน ประเพณีนี้มีประวัติเล่ากันมาว่า เป็นประเพณี ที่แสดงให้เห็นถึง การเปลี่ยนแปลงฤดูกาลทำมาหากิน ซึ่งภายหลังจากที่มีการเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์จากท้องไร่นา เสร็จแล้วก็จะเข้าสู่ฤดูแห่งการพักผ่อน ประเพณี “ค๊าท้องพ้าเออ” ถือเป็นประเพณีของผู้ชาย โดยผู้ชายทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ จะมีการทำ ลูกข่าง “ฉ่อง” แล้วมีการละเล่นแข่งตีกัน เพื่อฉลองการเปลี่ยนแปลงวัยที่มีอายุมากขึ้น พร้อมทั้งชุมชน แต่ละครัวเรือน ก็จะมีการแลกเปลี่ยนดื่มเหล้ากันในชุมชน ดังสุภาษิตที่ว่า “ค๊าท้องจี้ฉี่” แปลว่า ประเพณียกเหล้า ฉะ...

ก่า เคอะ เว

  ก่า เคอะ เว เป็นการละเล่นอีกแบบหนึ่ง เป็นการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน โดยมีอุปกรณ์ที่ใช้คือ แคน โดยผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องของแคน จะเป็นคนเป่าแล้วเต้นเป็นการและเพื่อเฉลิมฉลอง ในงานประเพณี ให้ เทวราช หรือ หงื่อซา รับทราบว่า ถึงเวลา แล้วที่ชาวลาหู่จะเฉลิมฉลองให้กับท่าน และขอให้ท่านเทพเจ้าลงมาอวยพรให้กับคนในชุมชนด้วย

การโยนผ้า (แข่ปุกสื่อบ่าดะเว)

 การโยนผ้า (แข่ปุกสื่อบ่าดะเว) เป็นชนิดหนึ่งที่หนุ่ม สาว จะเล่นนิยมเล่นกันมาก แต่หนุ่ม สาว มักจะเล่นช่วงปีใหม่ หรือ กินวอ วิธีการเล่นก็จะมีการแบ่งฝ่ายเป็น 2 ฝ่ายหนุ่ม ๆ ก็จะอยู่ฝ่ายหนึ่ง และสาว ๆ ก็จะอยู่อีกฝ่ายหนึ่ง แล้วมีกติกาว่าถ้าหนุ่ม ๆ โยนผ้าให้ฝ่ายสาว ๆ แล้วสาว ๆ รับไม่ได้และรับไม่ทันทำให้ตกสู่พื้น 3ครั้งหรือ 3 ที แล้วแต่จะตั้งกติกากี่ที หรือกี่ครั้งก็แล้วแต่ ที่จะตั้งกันเองในกลุ่ม จะมีการยึดสิ่งของต่าง ๆ เช่น สร้อย นาฬิกา ข้อมือ ฯลฯ จากฝ่ายที่แพ้มา แต่ก็จะคืนให้กันหลังจากเสร็จการกินวอกัน

เพลงเรืออยุธยา

 เพลงเรืออยุธยา ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  พระนครศรีอยุธยา อุปกรณ์การเล่นและวิธีการเล่น อุปกรณ์การเล่น ๑. เรือหมู เรือพายม้า หรือเรือสำปั้น ๒ ลำ ๒. กรับพวง ๓. ฉิ่ง วิธีการเล่น ในการเล่นเพลงเรือจะต้องเริ่มด้วยการไหว้ครูได้ครบ ๓ กลอนหรือตอน คือ ตอนที่ ๑ บทไหว้พระพุทธ บทไหว้พระธรรม บทไหว้พระสงฆ์ ตอนที่ ๒ ไหว้บิดา มารดา ตอนที่ ๓ ไหว้ครู อาจารย์ เพลงเรือมีเพลงหลักอยู่ ๖ ตอน คือ ๑. เพลงปลอบ ๒. เพลงประ ๓. เพลงผูกรัก ลักหาพาหนี ๔. ชิงชู้ (หึงหวงฝ่ายชาย) ๕. ตีหมากผัวหรือตีหมากขัว (หึงหวงฝ่ายหญิง) ๖. เพลงจาก ลักษณะการร้องเพลงเรือจะเป็นการร้องโต้ตอบกันระหว่างชายและหญิง ซึ่งพายเรือกันฝ่ายละลำ แต่ละฝ่ายจะมีต้นเสียง คือ คนร้องนำ และมีลูกคู่รับของแต่ละฝ่าย เครื่องดนตรีใช้ประกอบ คือ กรับและฉิ่ง การแต่งกายฝ่ายชายนุ่งกางเกงแพร หรือโจงกระเบน ใส่เสื้อไม่จำกัดสีไม่จำกัดแบบ มีผ้าขาวม้าคาดพุง ฝ่ายหญิงนิยมนุ่งโจงกระเบนสีทึบๆ เสื้อเป็นคอกลมแขน ๓ ส่วน นิยมใส่สีเดียวกันทั้งลำเรือ สวนใส่เครื่องประดับเต็มที่ โอกาสที่เล่น เพลงเรืออยุธยาเป็นเพลงพื้นบ้านเล่นอยู่ตามลุ่มน้ำทั่วไป เล่นเฉพาะในเทศกาล...

การเต้นจะคึ (ปอย เต เว)

 การเต้นจะคึ (ปอย เต เว) เป็นการบ่งบอกถึงความหลากหลายของการทำมาหากิน จะเต้นในช่วงที่มีงานประเพณี (กินวอ) เต้นเพื่อเฉลิมฉลองในงานประเพณี และเป็นการกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมในงานพิธีกรรม อาจมาจากต่างหมู่บ้าน หรือต่างท้องถิ่น การเต้นจะคึ จะเป็นการเต้นเป็นจังหวะ ตามเสียงกลอง (เจะโข ่) ฉิ่งฉาบ (แซ) และฆ้อง (โบโลโก่) โดยจะมีท่าทางประกอบหลากหลายท่าอย่างพร้อมเพรียงกัน เช่น ท่าเกี่ยวข้าว ท่าตักข้าว และ ท่าตีข้าว เป็นต้น การเต้นจะคึจะมีอีกหลากหลายท่า คือ ท่าสวัสดี ท่าขอบคุณ และยินดีต้อนรับ ก็จะมี อยู่ในตัว ท่าสวัสดี และยินดีต้อนรับ นั้นจะอยู่ในจังหวะเดียวกัน ช่วงปีใหม่ หรือกินวอ จะมีแขกจากบ้านอื่นมาเที่ยว และชาวลาหู่จะมีการเต้นจะคึ เพื่อเป็นการต้อนรับแขกที่มาร่วมในงาน

การละเล่นของชนเผ่าลาหู่

 การละเล่นของชนเผ่าลาหู่ การละเล่นเป็นอีกวัฒนธรรมหนึ่งของชนเผ่าลาหู่ที่นิยมเล่นกันยามที่ว่างจาก การทำไร่ ทำสวน และช่วงที่มีพิธีกรรมทางศาสนา หรือประเพณี ซึ่งเด็กหรือผู้ใหญ่จะมารวมตัวกันบริเวณรางที่กว้างๆ พร้อมจัดกลุ่มแล้วก็เล่น เป็นการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และจะเน้นการเล่นเป็นกลุ่ม เพื่อให้เกิดความสมัคสามัคคีกันภายในกลุ่ม เป็นการใช้ภูมิปัญญาของชาวบ้านในการนำสิ่ง ของต่าง ๆ มาประดิษฐ์เป็นของเล่น โดยการใช้วัสดุธรรมชาติ ที่หาได้ง่ายและไม่ได้ใช้ต้นทุนเยอะของท้องถิ่นมาดัดแปลง และทำเป็นของเล่นในยามที่ไปไร่ไปสวน ระหว่างทางก็จะเด็ดใบไม้แล้วก็มาเป่าให้เกิดเป็นเสียงเพลง ซึ่งจะทำให้เกิดความสุขในการเดินทาง และการเป่าใบไม้หนุ่ม ๆ ยังใช้เป่าในการจีบสาว ซึ่งจะเป็นการเป่าเพลงที่ข้องข้างเศร้า และมีความหมายอันลึกซึ้ง ถือได้ว่าเป็นวิธีการในการหาคู่ของหนุ่มสาวอีกวิธีหนึ่ง การละเล่นของชนเผ่าลาหู่แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ การละเล่นในพิธีกรรม เป็นการละเล่นเฉพาะในช่วงที่มีพิธีกรรมหรือประเพณีเท่านั้น ซึ่งชาวลาหู่ทั้งหญิงและชายจะแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าเต็มยศ แล้วจะมาเล่นกัน อันได้แก่ การเต้น “จ...

สะบ้า (หม่ายี้สื่อต่อดะเว)

 สะบ้า (หม่ายี้สื่อต่อดะเว) เป็นการละเล่นที่จะเล่นในช่วงกินวอ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่จะเล่นมากที่สุดจะแบ่งเป็นกลุ่ม หรือแบ่งฝ่ายแล้วก็เล่น อุปกรณ์ก็มี ลูกสะบ้า ในการเล่นสะบ้าไม่จำกัดจำนวนคนในการเล่นสามารถเล่นกันได้หลายคน แต่ทุกวันนี้เด็กมีเวลาว่างเด็กผู้หญิงก็จะเล่นกันให้เห็นบ่อย ๆ

อ่าต่ะก่ะดะเว

อ่าต่ะก่ะดะเว เป็นการละเล่นที่หนุ่ม ๆ จะนิยมเล่นกันเพราะหนุ่ม ๆ อยากรู้ว่าแรงใครจะเหนือกว่าใคร และมักจะเล่นอย่างนี้เพื่อลองแรงกันและกัน เป็นการละเล่นที่ทดสอบกำลังของแต่ละคน แต่เด็กผู้ชายก็ดูจากพี่ ๆ ก็จะจำแล้วเล่นกันบ่อย ๆ ครั้ง

แลป๊อย

แลป๊อย ของเล่นชิ้นนี้อีกอย่างที่เด็ก ๆ จะเล่น แลป๊อย นี่จะทำมาจากไม้ไผ่ กระบอกไผ่เล็กพอดีกับมือเด็กที่เด็กถือได้ เวลาเล่นเด็กจะทำเป็นปืน แล้วจะเอาก้อนหินใส่ในรูกระบอบไม้ไผ่แล้วยิงออกไปให้โดนฝายตรงข้าม ไม่แรงถึงกับเจ็บ ส่วนใหญ่เด็กผู้ชายเท่านั้นที่จะชอบเล่นของเล่นชนิดนี้

กระโดดเชือก (อ่าจ่ะเป๊าดะเว)

 กระโดดเชือก (อ่าจ่ะเป๊าดะเว) ส่วนใหญ่เด็กผู้หญิงจะเล่นกันมากในปัจจุบันนี้ จะเล่นให้เห็นอยู่ทางบนดอยและบ้านนอกจะเป็นการเล่นเป็นทีม หรือ หนึ่งต่อหนึ่งก็สุดแล้วแต่จะชอบ เด็กหนุ่ม ๆ สาว ๆ จะเล่นในบางโอกาส หรือบางครั้ง

ใบพัด (อืมฮอเล้ว)

 ใบพัด (อืมฮอเล้ว) ทำมาจากไม้ไผ่ ส่วนใหญ่ทั้งเด็กชาย เด็กหญิงก็เล่นได้ สุดแล้วแต่เด็กคนไหนจะชอบเล่น เวลาเล่นเด็กก็จะถือ อืมฮอเล้ว ไว้แล้ววิ่งไปวิ่งมาตามสายลม เมื่อโดนลมก็จะทำให้ใบพัดหมุนตามลมที่พัดเข้ามาสู่ที่ใบพัดเด็ก เพื่อความสนุกสนานตามภาษาเด็ก

แตป่า

แตป่า เป็นการละเล่นอีกชนิดนึ่งที่เด็ก ๆ และหนุ่ม ๆ ชอบเล่นกันโดยวิธีการยิงเล่นกัน อุปกรณ์ก็ทำมาจากไผ่ไร่กระบอกเล็ก ๆ ทำไม้เนื้อแข็งสำหรับสอดขนาดเล็กกว่ากระบอกไม้ และสั้นกว่าประมาณ 5 ซม. เหลาให้กลม ๆ หัวเรียบ จากนั้นก็เอากระดาษชุบน้ำให้เปื่อย แล้วนำมาจับม้วนให้มีขนาดพอดีกับรูไม้ แล้วอัดใส่อันแรกจะไม่เกิดเสียงดัง แต่พออันที่สองจะเกิดเสียงดัง กระดาษจะพุ่งออก และเกิดเสียงดัง อีกทั้งยังมีเมล็ดอีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กันมากเป็นลูก กลม ๆ จะทำการอัดใส่ในรูจากนั้นก็ยิงเล่น ถ้ายิงโดนที่เนื้อเปล่า ๆ จะเจ็บและแดง แต่ถ้ามีผ้าบางก็ไม่ค่อยเจ็บ

รถไม้ 3 ล้อ (รถแอแซะคือแวย เว)

  รถไม้ 3 ล้อ (รถแอแซะคือแวย เว) เป็นของเล่นชนิดหนึ่งที่เด็ก ๆ ชอบเล่นกัน เป็นของเล่นที่นิยมอันดับหนึ่ง มีการแข่งกันด้วย รถ 3 ล้อนี้ วิธีทำก็ไม่ยาก แค่ไปตัดท่อนไม้ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร 3 ล้อ แล้วก็เจาะรูตรงกลางขนาดพอสอดไม้ แล้วไปตัดท่อนไม้เล็ก ๆ มา แล้วมาตีต่อกันโดยใช้ตะปู ต้องมั่นคง เพราะจะเกิดอันตรายได้ง่าย ถ้าล้อหลุดหรือตะปูหลุด หรือแม้กระทั่งไม้หัก รถ 3 ล้อจะมีความเร็วสูง ถ้าขี่ในพื้นที่ที่เปียก โดยจะนำไม้ชนิดหนึ่งที่ลื่น ๆ มาตำให้ละเอียด หรือเคี้ยวด้วยปาก จากนั้นก็เอามาทาบริเวณล้อ ก็จะทำให้รถวิ่งได้เร็วขึ้น รถ 3 ล้อนอกจากใช้เป็นของเล่นแล้ว ยังใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย เช่น ขนฟืน เป็นต้น

ก้านกล้วย (น้อมจิวแฝด)

 ก้านกล้วย (น้อมจิวแฝด) จะนำก้านกล้วยมาตัดใบทิ้ง ตัดก้านให้เป็นแฉก ๆ ให้ตั้งขึ้นหลาย ๆ อัน แล้วใช้มือปัดลงเร็ว ๆ ก็จะมีเสียงเกิดขึ้นมาอย่างไพเราะ การเล่นชนิดนี้เป็นการละเล่นที่มีความปลอดภัยมากที่สุด เด็กเล็ก ๆ จะนิยมเล่นมาก

ลูกแก้ว (ปู้สี่)

  ลูกแก้ว (ปู้สี่) ลูกแก้วนี้ถือว่าเป็นของเล่นอีกอย่างหนึ่งของเด็กเมี่ยน เมื่อถึงช่วงฤดูกาลหนึ่ง เด็กเมี่ยนก็จะเปลี่ยนของเล่นไปตามฤดูกาลนั้น การเล่นลูกแก้วนี้ก็ถือว่าเป็นอีกอย่างหนึ่งของการละเล่น การเล่นลูกแก้วนี้จะนำลูกแก้วมาตีแข่งกันโดยใช้มือเล่น จะมีหลุมอยู่หลุมหนึ่งเพื่อการเล่น

ลูกข่าง (ตะโหลย)

 ลูกข่าง (ตะโหลย) การละเล่นลูกข่างเป็นการละเล่นที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน และเป็นการละเล่นของผู้ชาย โดยเมื่อถึงเวลาที่เว้นว่างจากการทำไร่ทำสวน ผู้ชายจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เพื่อจะไปตัดไม้เนื้อแข็งสำหรับมาทำเป็นลูกข่าง เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะเริ่มทำลูกข่างโดยเหลาปลายไม้ให้แหลม ๆ บางคนจะใส่เหล็กตรงปลาย เพื่อให้ลูกข่างหมุนได้นาน จากนั้นก็จะมาเล่นกัน โดยแบ่งเป็นสองฝ่าย ๆ ละกี่คนก็ได้

ขาหยั่งเชื่อก (ม่าเกะฮาง)

  ขาหยั่งเชื่อก (ม่าเกะฮาง) เป็นขาหยั่งที่ทำมาจากเชือก การละเล่นก็จะนำไม้ไผ่มาตัดเหลือไว้แค่ข้อต่อที่กั้นระหว่างป้องเท่านั้น เจาะรูแล้วนำเชือกสอดทั้ง 2 ข้าง การเล่นก็เหมือนกับขาหยั่งธรรมดาเพียงแค่ใช้ขาเหนีบที่เชือกเท่านั้นเอง

ไม้โกงกาง (ม่าเกะเฮ้า)

  ไม้โกงกาง (ม่าเกะเฮ้า) ไม้โกงกางทำมาจากไม้ไผ่ ซึ่งจะมีความสูงประมาณ 2 เมตร ตรงขาเหยียบจะสูงขึ้นมาจากพื้นประมาณ 50 ซม. หรือจะสูงกว่านี้ก็ได้ แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน ซึ่งเป็นการละเล่นที่ถือว่าสนุกสนานมากในวัยเด็ก สามารถเล่นได้ทุกฤดูกาล วิธีการเล่น คือ ขึ้นไปเหยียบแล้วก็วิ่งแข่งกัน

กระบอกสูบน้ำ (เฮ้าดงแฟะ)

  กระบอกสูบน้ำ (เฮ้าดงแฟะ) เป็นการละเล่นอีกอย่างหนึ่งที่ทำมาจากไม้ไผ่ ใช้ไม้ไผ่ที่ค่อนข้างแก่ทำเป็นตัวกระบอก และทำที่สูบโดยการตัดรองเท้าแตะเก่า ๆ หรือเอายางมามัดเป็นวงกลมเสีบบกับที่สูบ การเล่นจะใช้กระบอกสูบน้ำขึ้นมาแล้วก็ดันน้ำออกใส่กับเพื่อน ๆ ที่เล่นด้วย จะเล่นในช่วงฤดูร้อน

ปืนไม้ไผ่ (พ้าง พ้าง)

  ปืนไม้ไผ่(พ้าง พ้าง) เป็นของเล่นที่เด็กนิยมเล่นกันมาก วิธีการทำ คือ เอาไม้ไผ่ลำใหญ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร มาทำเป็นกระบอกปืน และเหลาไม้อีกอันมาใช้สำหรับเป็นตัวยิง จะนำผลของต้นไม้ชนิดหนึ่งมาเป็นกระสุนในการเล่น เมี่ยนเรียกว่าพ้าง พ้างเปี้ยว

หนังสติ๊ก (ถางกง)

 หนังสติ๊ก (ถางกง) ทำมาจากไม้ เมี่ยนจะนำไม้ประมาณเท่ากับแขนที่ปลายแยกออกจากกัน นำมาแต่งให้สวยและพอกับมือจับ เอาหนังยางมามัดให้สามารถดึงแล้วยิงได้ วิธีการเล่น นำก้อนหินมาวางตรงที่เป็นยาง ดึงแล้วปล่อยใช่เล่นยิงแข่งกัน

มอญซ่อนผ้า

 “ มอญซ่อนผ้า  มอญซ่อนผ้าตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง  ไว้นู่นไว้นี่ฉันจะตีก้นเธอ .. เสียงเพลงร้องประกอบการละเล่นของเด็กๆแว่วเข้าหู ทำให้ย้อนนึกไปถึงวันวาน วันวานที่เคยมีอดีตอันสดใสน่าค้นหาซุกซ่อนอยู่ บางครั้งปะปนอยู่กับซากเศษสิ่งของรกเรื้อใต้ถุนบ้าน ในห่อหรือในหีบผ้า แต่เหตุใดมอญต้องเอาไปซ่อน ซ่อนเพราะความหวงแหนว่าผู้อื่นจะเอาเยี่ยงอย่างไปใช้ หรือซ่อนเพราะเกรงว่าลูกหลานไม่เห็นค่าแล้วอาจทำตกหล่นสูญหายไป มอญจึงต้องซ่อนผ้า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลปีใหม่แบบไทย เป็นช่วงเทศกาลที่ยิ่งใหญ่สำหรับชาวไทยโดยเฉพาะชาวต่างจังหวัด และยิ่งทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเมื่อภาครัฐลงทุนประชาสัมพันธ์ออกมาทางสื่อ ทุกแขนงกระตุ้นเตือนถึงสำนึกความเป็นไทย ทำให้มนุษย์เงินเดือนต่างกระตือรือร้นต้องการย้อนคืนถิ่น ใฝ่หาไออุ่นจากครอบครัว กลับไปหาอดีตเมื่อวันวานครั้งยังเล็ก ชีวิตที่ไม่รีบร้อน มิตรภาพความเอื้ออาทรที่บริสุทธิ์ใจ วิถีชีวิตที่ผูกพันธ์อยู่กับวัฒนธรรมประเพณี ร้อยโยงความสัมพันธ์ของชาวบ้านและชุมชนเข้าไว้ด้วยกัน เป็นที่ทราบกันดีว่าเทศกาลสงกรานต์นั้นไม่ได้กำเนิดในเมืองไทย หากแต่เรารับเอาคตินั้นมาจากชาวอินเด...