ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กว่าง

  กว่าง กว่างเป็นชื่อเรียกด้วงปีกแข็ง ชนิด Xylotrupes gideon ในวงศ์ DYNASTIDAE ตัวผู้มีเขายื่นไปข้างหน้าและโค้งเข้า ตอนปลายแยกเป็นสองแฉก ตัวเมียไม่มีเขา ชอบกินน้ำหวานจากอ้อยเป็นต้น กว่างเกดจากไข่ของแม่กว่างที่ฟักตัวในดิน มีชื่อเรียกตามรูปร่าง ตามขนาด และเรียกตามแหล่งที่เกิด มี กว่างโซ้ง กว่างแซม กว่างกิ กว่างอี่มูด ( อีอู้ด หรือ อี่หลุ้ม ) กว่างซาง กว่างก่อและกว่างหน่อตัวกว่างจะเริ่มขุดออกจากดินตั้งแต่ประมาณปลายเดือนกร กฏาคม เมื่อออกจากดินแล้วกว่างจะเที่ยวบินหากินและผสมพันธุ์ อาหารของกว่างมียอดพืชผัก ยอดหน่อไม้ และกล้วยต่าง ๆอาหารที่ชอบเป็นพิเศษคือ น้ำหวานจากอ้อย ตั้งแต่ ปลายเดือนกรกฏาคม – ตุลาคม เป็นเวลาที่ชาวบ้านชาวเมืองในสมัยก่อนมีเวลาว่างเพราะข้าวที่ปลูกไว้กำลัง ตั้งท้อง เมื่อว่างจากการงาน ผู้ชายจะสนุกกับการเล่นชนกว่างกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การที่จะได้ตัวกว่างหรือเลือกตัวกว่าง ได้จากการหาตามสุมทุมพุ่มไม้ หรือป่าในเขตของหมู่บ้าน ตามวัดร้างที่มีต้นไม้เครือเถาขึ้นปกคลุม โดยเฉพาะในเวลาเช้าจะหาได้ง่ายกว่าเพราะกว่างยังไม่เข้าไปหลบอยู่ใต้ใบไม้ เมื่อใช้ไม้แหย่กว่างจะทิ้งตัวลงดินหรือหญ้า...

ชนเผ่าอาข่า - ประเพณี ปีใหม่ลูกข่าง

ชนเผ่าอาข่า - ประเพณี ปีใหม่ลูกข่าง ประเพณี : ปีใหม่ลูกข่าง ปีใหม่ลูกข่างหรือ ค๊าท้องอ่าเผ่ว เป็นประเพณีเปลี่ยนฤดูกาลทำมาเลี้ยงชีพ ประเพณีนี้จะจัดขึ้นประมาณ เดือนธันวาคมของทุกปี ตรงกับเดือน อ่าข่า คือ “ท้องลาบาลา” คนทั่วไปนิยมเรียกประเพณีนี้ว่า ปีใหม่ลูกข่าง ประเพณีนี้สามารถแปลความหมายได้ดังนี้   “ค๊า” ให้ความหมายถึงการเพาะปลูก “ท้อง”ให้ความหมายถึงปี หรือฤดูกาล “พ้าเออ” ให้ความหมายว่า เปลี่ยนแปลง แลกเปลี่ยน เปลี่ยน ดังนั้น ถ้ารวมคำทั้งหมดก็จะแปลว่า ประเพณีเปลี่ยน ฤดูกาลเพาะปลูกมีจำนวนในการทำพิธีอยู่ 4 วัน ประเพณีนี้มีประวัติเล่ากันมาว่า เป็นประเพณี ที่แสดงให้เห็นถึง การเปลี่ยนแปลงฤดูกาลทำมาหากิน ซึ่งภายหลังจากที่มีการเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์จากท้องไร่นา เสร็จแล้วก็จะเข้าสู่ฤดูแห่งการพักผ่อน ประเพณี “ค๊าท้องพ้าเออ” ถือเป็นประเพณีของผู้ชาย โดยผู้ชายทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ จะมีการทำ ลูกข่าง “ฉ่อง” แล้วมีการละเล่นแข่งตีกัน เพื่อฉลองการเปลี่ยนแปลงวัยที่มีอายุมากขึ้น พร้อมทั้งชุมชน แต่ละครัวเรือน ก็จะมีการแลกเปลี่ยนดื่มเหล้ากันในชุมชน ดังสุภาษิตที่ว่า “ค๊าท้องจี้ฉี่” แปลว่า ประเพณียกเหล้า ฉะ...

ก่า เคอะ เว

  ก่า เคอะ เว เป็นการละเล่นอีกแบบหนึ่ง เป็นการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน โดยมีอุปกรณ์ที่ใช้คือ แคน โดยผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องของแคน จะเป็นคนเป่าแล้วเต้นเป็นการและเพื่อเฉลิมฉลอง ในงานประเพณี ให้ เทวราช หรือ หงื่อซา รับทราบว่า ถึงเวลา แล้วที่ชาวลาหู่จะเฉลิมฉลองให้กับท่าน และขอให้ท่านเทพเจ้าลงมาอวยพรให้กับคนในชุมชนด้วย

การโยนผ้า (แข่ปุกสื่อบ่าดะเว)

 การโยนผ้า (แข่ปุกสื่อบ่าดะเว) เป็นชนิดหนึ่งที่หนุ่ม สาว จะเล่นนิยมเล่นกันมาก แต่หนุ่ม สาว มักจะเล่นช่วงปีใหม่ หรือ กินวอ วิธีการเล่นก็จะมีการแบ่งฝ่ายเป็น 2 ฝ่ายหนุ่ม ๆ ก็จะอยู่ฝ่ายหนึ่ง และสาว ๆ ก็จะอยู่อีกฝ่ายหนึ่ง แล้วมีกติกาว่าถ้าหนุ่ม ๆ โยนผ้าให้ฝ่ายสาว ๆ แล้วสาว ๆ รับไม่ได้และรับไม่ทันทำให้ตกสู่พื้น 3ครั้งหรือ 3 ที แล้วแต่จะตั้งกติกากี่ที หรือกี่ครั้งก็แล้วแต่ ที่จะตั้งกันเองในกลุ่ม จะมีการยึดสิ่งของต่าง ๆ เช่น สร้อย นาฬิกา ข้อมือ ฯลฯ จากฝ่ายที่แพ้มา แต่ก็จะคืนให้กันหลังจากเสร็จการกินวอกัน

เพลงเรืออยุธยา

 เพลงเรืออยุธยา ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  พระนครศรีอยุธยา อุปกรณ์การเล่นและวิธีการเล่น อุปกรณ์การเล่น ๑. เรือหมู เรือพายม้า หรือเรือสำปั้น ๒ ลำ ๒. กรับพวง ๓. ฉิ่ง วิธีการเล่น ในการเล่นเพลงเรือจะต้องเริ่มด้วยการไหว้ครูได้ครบ ๓ กลอนหรือตอน คือ ตอนที่ ๑ บทไหว้พระพุทธ บทไหว้พระธรรม บทไหว้พระสงฆ์ ตอนที่ ๒ ไหว้บิดา มารดา ตอนที่ ๓ ไหว้ครู อาจารย์ เพลงเรือมีเพลงหลักอยู่ ๖ ตอน คือ ๑. เพลงปลอบ ๒. เพลงประ ๓. เพลงผูกรัก ลักหาพาหนี ๔. ชิงชู้ (หึงหวงฝ่ายชาย) ๕. ตีหมากผัวหรือตีหมากขัว (หึงหวงฝ่ายหญิง) ๖. เพลงจาก ลักษณะการร้องเพลงเรือจะเป็นการร้องโต้ตอบกันระหว่างชายและหญิง ซึ่งพายเรือกันฝ่ายละลำ แต่ละฝ่ายจะมีต้นเสียง คือ คนร้องนำ และมีลูกคู่รับของแต่ละฝ่าย เครื่องดนตรีใช้ประกอบ คือ กรับและฉิ่ง การแต่งกายฝ่ายชายนุ่งกางเกงแพร หรือโจงกระเบน ใส่เสื้อไม่จำกัดสีไม่จำกัดแบบ มีผ้าขาวม้าคาดพุง ฝ่ายหญิงนิยมนุ่งโจงกระเบนสีทึบๆ เสื้อเป็นคอกลมแขน ๓ ส่วน นิยมใส่สีเดียวกันทั้งลำเรือ สวนใส่เครื่องประดับเต็มที่ โอกาสที่เล่น เพลงเรืออยุธยาเป็นเพลงพื้นบ้านเล่นอยู่ตามลุ่มน้ำทั่วไป เล่นเฉพาะในเทศกาล...

การเต้นจะคึ (ปอย เต เว)

 การเต้นจะคึ (ปอย เต เว) เป็นการบ่งบอกถึงความหลากหลายของการทำมาหากิน จะเต้นในช่วงที่มีงานประเพณี (กินวอ) เต้นเพื่อเฉลิมฉลองในงานประเพณี และเป็นการกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมในงานพิธีกรรม อาจมาจากต่างหมู่บ้าน หรือต่างท้องถิ่น การเต้นจะคึ จะเป็นการเต้นเป็นจังหวะ ตามเสียงกลอง (เจะโข ่) ฉิ่งฉาบ (แซ) และฆ้อง (โบโลโก่) โดยจะมีท่าทางประกอบหลากหลายท่าอย่างพร้อมเพรียงกัน เช่น ท่าเกี่ยวข้าว ท่าตักข้าว และ ท่าตีข้าว เป็นต้น การเต้นจะคึจะมีอีกหลากหลายท่า คือ ท่าสวัสดี ท่าขอบคุณ และยินดีต้อนรับ ก็จะมี อยู่ในตัว ท่าสวัสดี และยินดีต้อนรับ นั้นจะอยู่ในจังหวะเดียวกัน ช่วงปีใหม่ หรือกินวอ จะมีแขกจากบ้านอื่นมาเที่ยว และชาวลาหู่จะมีการเต้นจะคึ เพื่อเป็นการต้อนรับแขกที่มาร่วมในงาน

การละเล่นของชนเผ่าลาหู่

 การละเล่นของชนเผ่าลาหู่ การละเล่นเป็นอีกวัฒนธรรมหนึ่งของชนเผ่าลาหู่ที่นิยมเล่นกันยามที่ว่างจาก การทำไร่ ทำสวน และช่วงที่มีพิธีกรรมทางศาสนา หรือประเพณี ซึ่งเด็กหรือผู้ใหญ่จะมารวมตัวกันบริเวณรางที่กว้างๆ พร้อมจัดกลุ่มแล้วก็เล่น เป็นการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และจะเน้นการเล่นเป็นกลุ่ม เพื่อให้เกิดความสมัคสามัคคีกันภายในกลุ่ม เป็นการใช้ภูมิปัญญาของชาวบ้านในการนำสิ่ง ของต่าง ๆ มาประดิษฐ์เป็นของเล่น โดยการใช้วัสดุธรรมชาติ ที่หาได้ง่ายและไม่ได้ใช้ต้นทุนเยอะของท้องถิ่นมาดัดแปลง และทำเป็นของเล่นในยามที่ไปไร่ไปสวน ระหว่างทางก็จะเด็ดใบไม้แล้วก็มาเป่าให้เกิดเป็นเสียงเพลง ซึ่งจะทำให้เกิดความสุขในการเดินทาง และการเป่าใบไม้หนุ่ม ๆ ยังใช้เป่าในการจีบสาว ซึ่งจะเป็นการเป่าเพลงที่ข้องข้างเศร้า และมีความหมายอันลึกซึ้ง ถือได้ว่าเป็นวิธีการในการหาคู่ของหนุ่มสาวอีกวิธีหนึ่ง การละเล่นของชนเผ่าลาหู่แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ การละเล่นในพิธีกรรม เป็นการละเล่นเฉพาะในช่วงที่มีพิธีกรรมหรือประเพณีเท่านั้น ซึ่งชาวลาหู่ทั้งหญิงและชายจะแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าเต็มยศ แล้วจะมาเล่นกัน อันได้แก่ การเต้น “จ...

สะบ้า (หม่ายี้สื่อต่อดะเว)

 สะบ้า (หม่ายี้สื่อต่อดะเว) เป็นการละเล่นที่จะเล่นในช่วงกินวอ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่จะเล่นมากที่สุดจะแบ่งเป็นกลุ่ม หรือแบ่งฝ่ายแล้วก็เล่น อุปกรณ์ก็มี ลูกสะบ้า ในการเล่นสะบ้าไม่จำกัดจำนวนคนในการเล่นสามารถเล่นกันได้หลายคน แต่ทุกวันนี้เด็กมีเวลาว่างเด็กผู้หญิงก็จะเล่นกันให้เห็นบ่อย ๆ

อ่าต่ะก่ะดะเว

อ่าต่ะก่ะดะเว เป็นการละเล่นที่หนุ่ม ๆ จะนิยมเล่นกันเพราะหนุ่ม ๆ อยากรู้ว่าแรงใครจะเหนือกว่าใคร และมักจะเล่นอย่างนี้เพื่อลองแรงกันและกัน เป็นการละเล่นที่ทดสอบกำลังของแต่ละคน แต่เด็กผู้ชายก็ดูจากพี่ ๆ ก็จะจำแล้วเล่นกันบ่อย ๆ ครั้ง

แลป๊อย

แลป๊อย ของเล่นชิ้นนี้อีกอย่างที่เด็ก ๆ จะเล่น แลป๊อย นี่จะทำมาจากไม้ไผ่ กระบอกไผ่เล็กพอดีกับมือเด็กที่เด็กถือได้ เวลาเล่นเด็กจะทำเป็นปืน แล้วจะเอาก้อนหินใส่ในรูกระบอบไม้ไผ่แล้วยิงออกไปให้โดนฝายตรงข้าม ไม่แรงถึงกับเจ็บ ส่วนใหญ่เด็กผู้ชายเท่านั้นที่จะชอบเล่นของเล่นชนิดนี้

กระโดดเชือก (อ่าจ่ะเป๊าดะเว)

 กระโดดเชือก (อ่าจ่ะเป๊าดะเว) ส่วนใหญ่เด็กผู้หญิงจะเล่นกันมากในปัจจุบันนี้ จะเล่นให้เห็นอยู่ทางบนดอยและบ้านนอกจะเป็นการเล่นเป็นทีม หรือ หนึ่งต่อหนึ่งก็สุดแล้วแต่จะชอบ เด็กหนุ่ม ๆ สาว ๆ จะเล่นในบางโอกาส หรือบางครั้ง

ใบพัด (อืมฮอเล้ว)

 ใบพัด (อืมฮอเล้ว) ทำมาจากไม้ไผ่ ส่วนใหญ่ทั้งเด็กชาย เด็กหญิงก็เล่นได้ สุดแล้วแต่เด็กคนไหนจะชอบเล่น เวลาเล่นเด็กก็จะถือ อืมฮอเล้ว ไว้แล้ววิ่งไปวิ่งมาตามสายลม เมื่อโดนลมก็จะทำให้ใบพัดหมุนตามลมที่พัดเข้ามาสู่ที่ใบพัดเด็ก เพื่อความสนุกสนานตามภาษาเด็ก

แตป่า

แตป่า เป็นการละเล่นอีกชนิดนึ่งที่เด็ก ๆ และหนุ่ม ๆ ชอบเล่นกันโดยวิธีการยิงเล่นกัน อุปกรณ์ก็ทำมาจากไผ่ไร่กระบอกเล็ก ๆ ทำไม้เนื้อแข็งสำหรับสอดขนาดเล็กกว่ากระบอกไม้ และสั้นกว่าประมาณ 5 ซม. เหลาให้กลม ๆ หัวเรียบ จากนั้นก็เอากระดาษชุบน้ำให้เปื่อย แล้วนำมาจับม้วนให้มีขนาดพอดีกับรูไม้ แล้วอัดใส่อันแรกจะไม่เกิดเสียงดัง แต่พออันที่สองจะเกิดเสียงดัง กระดาษจะพุ่งออก และเกิดเสียงดัง อีกทั้งยังมีเมล็ดอีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กันมากเป็นลูก กลม ๆ จะทำการอัดใส่ในรูจากนั้นก็ยิงเล่น ถ้ายิงโดนที่เนื้อเปล่า ๆ จะเจ็บและแดง แต่ถ้ามีผ้าบางก็ไม่ค่อยเจ็บ

รถไม้ 3 ล้อ (รถแอแซะคือแวย เว)

  รถไม้ 3 ล้อ (รถแอแซะคือแวย เว) เป็นของเล่นชนิดหนึ่งที่เด็ก ๆ ชอบเล่นกัน เป็นของเล่นที่นิยมอันดับหนึ่ง มีการแข่งกันด้วย รถ 3 ล้อนี้ วิธีทำก็ไม่ยาก แค่ไปตัดท่อนไม้ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร 3 ล้อ แล้วก็เจาะรูตรงกลางขนาดพอสอดไม้ แล้วไปตัดท่อนไม้เล็ก ๆ มา แล้วมาตีต่อกันโดยใช้ตะปู ต้องมั่นคง เพราะจะเกิดอันตรายได้ง่าย ถ้าล้อหลุดหรือตะปูหลุด หรือแม้กระทั่งไม้หัก รถ 3 ล้อจะมีความเร็วสูง ถ้าขี่ในพื้นที่ที่เปียก โดยจะนำไม้ชนิดหนึ่งที่ลื่น ๆ มาตำให้ละเอียด หรือเคี้ยวด้วยปาก จากนั้นก็เอามาทาบริเวณล้อ ก็จะทำให้รถวิ่งได้เร็วขึ้น รถ 3 ล้อนอกจากใช้เป็นของเล่นแล้ว ยังใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย เช่น ขนฟืน เป็นต้น

ก้านกล้วย (น้อมจิวแฝด)

 ก้านกล้วย (น้อมจิวแฝด) จะนำก้านกล้วยมาตัดใบทิ้ง ตัดก้านให้เป็นแฉก ๆ ให้ตั้งขึ้นหลาย ๆ อัน แล้วใช้มือปัดลงเร็ว ๆ ก็จะมีเสียงเกิดขึ้นมาอย่างไพเราะ การเล่นชนิดนี้เป็นการละเล่นที่มีความปลอดภัยมากที่สุด เด็กเล็ก ๆ จะนิยมเล่นมาก

ลูกแก้ว (ปู้สี่)

  ลูกแก้ว (ปู้สี่) ลูกแก้วนี้ถือว่าเป็นของเล่นอีกอย่างหนึ่งของเด็กเมี่ยน เมื่อถึงช่วงฤดูกาลหนึ่ง เด็กเมี่ยนก็จะเปลี่ยนของเล่นไปตามฤดูกาลนั้น การเล่นลูกแก้วนี้ก็ถือว่าเป็นอีกอย่างหนึ่งของการละเล่น การเล่นลูกแก้วนี้จะนำลูกแก้วมาตีแข่งกันโดยใช้มือเล่น จะมีหลุมอยู่หลุมหนึ่งเพื่อการเล่น

ลูกข่าง (ตะโหลย)

 ลูกข่าง (ตะโหลย) การละเล่นลูกข่างเป็นการละเล่นที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน และเป็นการละเล่นของผู้ชาย โดยเมื่อถึงเวลาที่เว้นว่างจากการทำไร่ทำสวน ผู้ชายจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เพื่อจะไปตัดไม้เนื้อแข็งสำหรับมาทำเป็นลูกข่าง เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะเริ่มทำลูกข่างโดยเหลาปลายไม้ให้แหลม ๆ บางคนจะใส่เหล็กตรงปลาย เพื่อให้ลูกข่างหมุนได้นาน จากนั้นก็จะมาเล่นกัน โดยแบ่งเป็นสองฝ่าย ๆ ละกี่คนก็ได้

ขาหยั่งเชื่อก (ม่าเกะฮาง)

  ขาหยั่งเชื่อก (ม่าเกะฮาง) เป็นขาหยั่งที่ทำมาจากเชือก การละเล่นก็จะนำไม้ไผ่มาตัดเหลือไว้แค่ข้อต่อที่กั้นระหว่างป้องเท่านั้น เจาะรูแล้วนำเชือกสอดทั้ง 2 ข้าง การเล่นก็เหมือนกับขาหยั่งธรรมดาเพียงแค่ใช้ขาเหนีบที่เชือกเท่านั้นเอง

ไม้โกงกาง (ม่าเกะเฮ้า)

  ไม้โกงกาง (ม่าเกะเฮ้า) ไม้โกงกางทำมาจากไม้ไผ่ ซึ่งจะมีความสูงประมาณ 2 เมตร ตรงขาเหยียบจะสูงขึ้นมาจากพื้นประมาณ 50 ซม. หรือจะสูงกว่านี้ก็ได้ แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน ซึ่งเป็นการละเล่นที่ถือว่าสนุกสนานมากในวัยเด็ก สามารถเล่นได้ทุกฤดูกาล วิธีการเล่น คือ ขึ้นไปเหยียบแล้วก็วิ่งแข่งกัน

กระบอกสูบน้ำ (เฮ้าดงแฟะ)

  กระบอกสูบน้ำ (เฮ้าดงแฟะ) เป็นการละเล่นอีกอย่างหนึ่งที่ทำมาจากไม้ไผ่ ใช้ไม้ไผ่ที่ค่อนข้างแก่ทำเป็นตัวกระบอก และทำที่สูบโดยการตัดรองเท้าแตะเก่า ๆ หรือเอายางมามัดเป็นวงกลมเสีบบกับที่สูบ การเล่นจะใช้กระบอกสูบน้ำขึ้นมาแล้วก็ดันน้ำออกใส่กับเพื่อน ๆ ที่เล่นด้วย จะเล่นในช่วงฤดูร้อน

ปืนไม้ไผ่ (พ้าง พ้าง)

  ปืนไม้ไผ่(พ้าง พ้าง) เป็นของเล่นที่เด็กนิยมเล่นกันมาก วิธีการทำ คือ เอาไม้ไผ่ลำใหญ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร มาทำเป็นกระบอกปืน และเหลาไม้อีกอันมาใช้สำหรับเป็นตัวยิง จะนำผลของต้นไม้ชนิดหนึ่งมาเป็นกระสุนในการเล่น เมี่ยนเรียกว่าพ้าง พ้างเปี้ยว

หนังสติ๊ก (ถางกง)

 หนังสติ๊ก (ถางกง) ทำมาจากไม้ เมี่ยนจะนำไม้ประมาณเท่ากับแขนที่ปลายแยกออกจากกัน นำมาแต่งให้สวยและพอกับมือจับ เอาหนังยางมามัดให้สามารถดึงแล้วยิงได้ วิธีการเล่น นำก้อนหินมาวางตรงที่เป็นยาง ดึงแล้วปล่อยใช่เล่นยิงแข่งกัน

มอญซ่อนผ้า

 “ มอญซ่อนผ้า  มอญซ่อนผ้าตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง  ไว้นู่นไว้นี่ฉันจะตีก้นเธอ .. เสียงเพลงร้องประกอบการละเล่นของเด็กๆแว่วเข้าหู ทำให้ย้อนนึกไปถึงวันวาน วันวานที่เคยมีอดีตอันสดใสน่าค้นหาซุกซ่อนอยู่ บางครั้งปะปนอยู่กับซากเศษสิ่งของรกเรื้อใต้ถุนบ้าน ในห่อหรือในหีบผ้า แต่เหตุใดมอญต้องเอาไปซ่อน ซ่อนเพราะความหวงแหนว่าผู้อื่นจะเอาเยี่ยงอย่างไปใช้ หรือซ่อนเพราะเกรงว่าลูกหลานไม่เห็นค่าแล้วอาจทำตกหล่นสูญหายไป มอญจึงต้องซ่อนผ้า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลปีใหม่แบบไทย เป็นช่วงเทศกาลที่ยิ่งใหญ่สำหรับชาวไทยโดยเฉพาะชาวต่างจังหวัด และยิ่งทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเมื่อภาครัฐลงทุนประชาสัมพันธ์ออกมาทางสื่อ ทุกแขนงกระตุ้นเตือนถึงสำนึกความเป็นไทย ทำให้มนุษย์เงินเดือนต่างกระตือรือร้นต้องการย้อนคืนถิ่น ใฝ่หาไออุ่นจากครอบครัว กลับไปหาอดีตเมื่อวันวานครั้งยังเล็ก ชีวิตที่ไม่รีบร้อน มิตรภาพความเอื้ออาทรที่บริสุทธิ์ใจ วิถีชีวิตที่ผูกพันธ์อยู่กับวัฒนธรรมประเพณี ร้อยโยงความสัมพันธ์ของชาวบ้านและชุมชนเข้าไว้ด้วยกัน เป็นที่ทราบกันดีว่าเทศกาลสงกรานต์นั้นไม่ได้กำเนิดในเมืองไทย หากแต่เรารับเอาคตินั้นมาจากชาวอินเด...

แตะหุ่น

  แตะหุ่น       จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น วิธีเล่น จับไม้สั้นไม้ยาว เลือกผู้เล่นคนหนึ่งเป็นคนวิ่งไล่ คนอื่นๆ หลอกล่อ เมื่อคนวิ่งไล่ไปแตะใคร คนนั้น ต้องหยุดนิ่งในท่าทีกำลังกระทำอยู่นั้น จะเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่าไม่ได้ ถ้าเคลื่อนไหวคนนั้นก็ตาย ต้องมา เป็นคนไล่แทน ถ้าแตะได้หมด และทุกคนเป็นหุ่นหมด ผู้วิ่งไล่จะแสดงท่าหลอกล่อต่างๆ ให้ยิ้ม หัวเราะหรือ เคลื่อนไหว ใครเคลื่อนไหวต้องมาเป็นคนวิ่งไล่แทน

กำทาย

  กำทาย      จำนวนผู้เล่น   จำนวน 2 คนขึ้นไป วิธีเล่น ผู้เล่นแต่ละคนนำเมล็ดถั่วหรือก้อนหินมา ใครนำมามากก็เป็นคนกำทายก่อน ผู้ทายกำเมล็ดถั่ว จำนวนเท่าใดก็ได้ แล้วให้คนอื่นทาย (ว่าในมือมีเมล็ดถั่วจำนวนเท่าใด) ใครทายถูกก็ได้เมล็ดถั่วจำนวนนั้นไป ถ้าไม่ถูก คนทายคนเก่าก็ได้ทายใหม่ บางแห่งกำหนด จำนวนถั่วว่าห้ามเกิน 20 เมล็ด

ขี่ม้าส่งเมือง หรือ เทวดานั่งเมือง

  ขี่ม้าส่งเมือง หรือ เทวดานั่งเมือง จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น วิธีเล่น แบ่งผู้เล่นเป็น 2 ฝ่าย เท่าๆ กัน เลือกผู้เล่นคนหนึ่งเป็นเจ้าเมือง ซึ่งจะต้องไม่เข้ากับฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง แต่ละฝ่ายจับไม้สั้นไม้ยาว เพื่อเลือกว่าใครจะเริ่มเล่นก่อน ฝ่ายชนะจะเริ่มเล่นก่อนโดยการเดิน มากระซิบชื่อใครคนหนึ่งของฝ่ายตรงกันข้ามกับผู้ที่เป็นเจ้าเมืองก่อน แล้วกลับไป ฝ่ายตรงกันข้ามจะเดิน มากระซิบบ้าง ถ้ากระซิบชื่อได้ตรงกับที่ฝ่ายแรกกระซิบไว้ เจ้าเมืองจะกล่าวคำว่า "โป้ง" คนกระซิบคนแรก ต้องเป็นเชลย และฝ่ายที่ทายถูกทายได้อีกครั้งจนกว่าข้างใดข้างหนึ่งจะหมด ฝ่ายใดหมดก่อน ฝ่ายนั้นแพ้ และให้ฝ่ายชนะขี่หลังไปส่งเมือง

ห่วงยาง

  ห่วงยาง        จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น วิธีเล่น มีวิธีการเล่นคล้ายลูกช่วง แต่อุปกรณ์การเล่นใช้ห่วงยางและมีกติกาต่างออกไปเล็กน้อย คือ เมื่อ ผู้เล่นโยนห่วงยางให้ฝ่ายตรงข้ามรับ ถ้าฝ่ายตรงกันข้ามรับไม่ได้ แต่มือถูกห่วงแล้วต้องไปเป็นเชลยของตน ถ้าเชลยรับได้ เอาห่วงไปแตะฝ่ายตรงกันข้าม ผู้ที่ถูกแตะต้องตกเป็นเชลย เล่นกันจนกว่าฝ่ายใดเหลือน้อยที่ สุด ฝ่ายนั้นแพ้

หมากตะเกียบ

  หมากตะเกียบ        จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่น ใช้มะนาว 1 ลูก และตะเกียบ 10 อัน จับไม้สั้นไม้ยาวว่าใครจะเล่นก่อน วิธีเล่นคล้ายหมากเก็บ ของภาคอีสาน แต่เมื่อถึงหมากสิบโยนลูกมะนาวขึ้นแล้วรวบ 10 อัน ถือสลับมือไปมา 10 ครั้ง โดยลูก มะนาวไม่ตก จากนั้นเล่นหมากตะเพียน คือ วางไม้ตะเกียบเป็นรูปปลาตะเพียน แล้วหยิบทีละอัน ถ้าทำให้ ปลาแตกจากกันถือว่า "ตาย"

หมากเก็บ

 . หมากเก็บ      จำนวนผู้เล่น   2 - 4 คน วิธีเล่น ใช้ก้อนกรวดที่มีลักษณะกลมๆ 5 ก้อน เสี่ยงทายว่าใครจะเล่นก่อน โดยวิธีขึ้นร้าน คือ ถือหมาก ทั้งห้าเม็ดไว้แล้วโยนพลิกหงายหลังมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับอีกที ใครเหลือหินอยู่ในหินอยู่ในมือมากที่สุด คนนั้นเล่นก่อน มีทั้งหมด 5 หมาก หมากที่ 1 ทอดหมากให้ห่างๆ กัน เลือกลูกนำไว้ 1 เม็ด ควรใช้เม็ดกรวดที่ห่างที่สุด โยนเม็ดนำขึ้น แล้วเก็บทีละเม็ดพร้อมกับรับลูกนำที่หล่นลงมาให้ได้ ถ้ารับไม่ได้ถือว่า "ตาย" ขณะที่หยิบเม็ดที่ทอดนั้น ถ้ามือไปถูกเม็ดอื่นถือว่า ตาย หมากที่ 2 เก็บทีละ 2 เม็ด หมากที่ 3 เก็บทีละ 3 เม็ด หมากที่ 4 ใช้โปะ ไม่ทอด คือ ถือหมากทั้งหมดไว้ในมือ โยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้น แล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้ "ขี้นร้าน" ได้กี่เม็ดเป็นแต้มของคนนั้น ถ้าขึ้นร้านเม็ดหล่นหมด ใช้หลังมือ รับไม่ได้ ถือว่า "ตาย" ไม่ได้แต้ม คนอื่นเล่นต่อไป ถ้าใครตายหมากไหนก็เริ่มต้นหมากนั้น ส่วนมาก กำหนดแต้ม 50-100 แต้ม เมื่อแต้มใกล้จะครบ เวลาขึ้นร้านต้องคอยระวังไม่ให้เกินแต้มที่กำหนด ถ้าเกิน ไปเท่าไร หมายถึงว่าต้องเริ่มต้นใหม่โดยได้แต้มที...

หมากอีงัด (ไม้หี่ง)

 หมากอีงัด   (ไม้หี่ง)  จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่น ใช้ไม้สั้น 1 คืบ 1 อัน และยาวประมาณ 1 แขน 1 อัน ขุดหลุมยาว 1 หลุม ขีดเล้น 1 เส้น ผู้เล่นฝ่ายแรกนำไม้สั้นไปวางลงที่ร่องหลุม แล้วเอาไม้ยาวสอดเข้าไปงัดไม้สั้นให้กระดอนไกลที่สุด เท่าที่จะไกลได้ แล้วเอาไม้ยาววางที่หลุม ให้ฝ่ายตรงกันข้ามโยนไม้สั้นให้ถูกไม้ยาว ถ้าไม่ถูกก็ต้องเล่น ตาต่อไป มีทั้งหมด 3 ตาด้วยกัน คือ ตาที่ 1 เรียก อีงัด ตาที่ 2 เรียก อีตี หรือ เอาไม้ยาวตีไม้สั้นออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ ตาที่ 3 เรียก อีวัด ดึงเอาไม้ยาววัดระยะทางที่ไม้ยาวตีไม้สั้นออกไปว่าไกลเท่าไร ผลัดเปลี่ยนกันเล่นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนครบหมดทุกคน ผู้ที่ตีได้ไกลที่สุดจะได้ขี่หลังฝ่ายตรงกันข้าม เท่าที่ตกลงกันไว้

อ้ายเข้อ้ายโขง

  อ้ายเข้อ้ายโขง        จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่น จับไม้สั้นไม้ยาวว่าใครจะเป็นอ้ายเข้ สมมุติเป็นแม่น้ำมี 2 ฝั่ง คนอื่นๆ อยู่บนบก อ้ายเข้อยู่กลางแม่น้ำ ทุกคนต้องว่ายน้ำข้ามฝั่ง อ้ายเข้คอยจับคนกำลังว่ายน้ำให้ได้ ถ้าอ้ายเข้จับใครได้คนนั้นต้องเป็นอ้ายเข้แทน ระหว่างวิ่งข้ามฝั่ง คนบนบกจะหยอกล้อทำท่าทางต่างๆ บทร้องประกอบ " อ้ายเข้าอ้ายโขง     อยู่ในโพรงไม้สัก อ้ายเข้ฟันหัก     กัดคนไม่เข้า"

อีขีดอีเขียด

 อีขีดอีเขียด   (E-KHEED E-KHIAD)     จำนวนผู้เล่น   จำนวน 2 - 4 คน วิธีเล่น ใช้หอยทราย หรือเมล็ดน้อยหน่า หรือเมล็ดมะขาม หรือเมล็ดลูกไม้อะไรก็ได้เท่าที่พอจะหาได้ง่ายๆ โดยให้มีขนาดเล็กๆ เข้าไว้ ผู้เล่นแต่ละคนลงกองทุนคนละเท่าไรก็ตาม แต่จะกำหนดอาจจะเป็นคนละ 10 - 20 เมล็ด จับไม้สั้นไม้ยาวว่าใครจะเล่นก่อน เมื่อได้แล้วผู้เล่นจะโปรยหรือทอดเมล็ดพืชทั้งหมดลงที่ พื้นกระดาน แล้วเลือกดีดเมล็ดที่ละคู่ ถ้าดีดถูกกี่คู่ก็เป็นอันว่าได้เมล็ดนั้นเป็นของตน ถ้าดีดไม่ถูกถือว่าตาย และระหว่างที่ดีด มือไปโดนเมล็ดอื่นที่อยู่ติดกันไหวตัวก็ตายเหมือนกัน คนอื่นๆ เล่นต่อไป ถ้าดีดได้ครบทุก คู่ก็ชนะได้เมล็ดไปทั้งหมด เริ่มกองทุนใหม่

อีกาหุบปีก

  อีกาหุบปีก    จำนวนผู้เล่น   ประมาณ 4-5 คน วิธีเล่น จับไม้สั้นไม้ยาวเพื่อหาคนเป็น "อีกา" ผู้เป็นอีกายกมือขวาขึ้น ยื่นไปข้างหน้าเล็กน้อย สูงเสมอกับ ระดับไหล่กางนิ้วมือไว้และคว่ำมือลง สมมุติเป็นปีกอีกา ผู้เล่นคนอื่นใช้นิ้วชี้ มือขวาจี้ไปที่ฝ่ามือ (ปีก) ของ อีกา แล้วอีกาก็ร้องขึ้นว่า "อีกา-า-า-า-า-า-า" ลากเสียง "กา" ให้ยาวออกไป ในขณะที่ยังมีเสียงกาอยู่นั้น อีกา ก็ร้องขึ้นว่า "ฮุบ" (หุบ) แล้วมือก็หุบทันที ผู้เล่นทุกคนจะต้องรีบชักนิ้วกลับโดยเร็วก่อนที่อีกาจะหุบปีกมา สัมผัสนิ้วชี้ตน ถ้าอีกาสัมผัสนิ้วของผู้ใด ผู้นั้นต้องมาเป็นอีกาแทน กติกาการเล่นมีหลายประการ คือ 1. อีกาต้องร้อง "ฮุบ" พร้อมกับหุบปีก จะหุบปีกก่อนที่จะร้อง "ฮุบ" ไม่ได้ 2. เมื่อหุบปีก ปีกต้องอยู่กับที่ จะลดต่ำตามนิ้วของผู้เล่นไม่ได้ 3. เมื่อหุบปีก ถ้าสัมผัสนิ้วชี้ของผู้เล่นมากกว่า 1 คน จะต้องเลือกคนใดคนหนึ่งเป็น "อีกา" ต่อไป 4. ปลายนิ้วชี้ของผู้เล่นจะต้องสัมผัสฝ่ามือของอีกา 5. ปีก (นิ้วมือ) ของอีกาสัมผัสนิ้วชี้ผู้ใดในขณะที่หุบปีก ผู้นั้นกับอีกาต้องเปลี่ยนหน้า...

น้ำขึ้น น้ำลง

  น้ำขึ้น น้ำลง    จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น วิธีเล่น เขียนวงกลมที่พื้น 1 วง ภายในวงถือว่าเป้นคลองภายนอกวงกลมเป็นตลิ่ง ผู้เล่นทั้งหมดยืนอยู่ นอกวงกลม ผู้เล่นผลัดกันเป็นหัวหน้าคนหนึ่ง เมื่อหัวหน้าบอกว่า "น้ำขึ้น" ทุกคนกระโดดเข้าไปในวงกลม และถ้าบอกว่า "น้ำลง" ให้กระโดดออกจากวงกลม คนใดอยู่ในคลองเมื่องน้ำลง หรืออยู่บนตลิ่งเมื่อน้ำขึ้น ให้ถือว่า ตาย ถูกคัดออก การบอกน้ำขึ้นน้ำลง ไม่จำเป็นต้องบอกสลับกันบอกซ้ำกันก็ได้ ควรบอกเร็วๆ

รีรีข้าวสาร

  รีรีข้าวสาร    จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น วิธีเล่น จับไม้สั้นไม้ยาว ให้ผู้เล่น 2 คน ยืนเอามือประสานกันเหนือศีรษะเป็นประตูโค้ง คนอื่นๆ เกาะไหล่กัน ลอดใต้โค้งไปเรื่อยๆ สองคนที่เป็นประตูจะร้องเพลงประกอบเวลา แถวลอดใต้โค้งหัวแถวจะต้องเดินอ้อม หลังคนที่เป็นประตูครั้งละหน เมื่อจบเพลงสอง คนที่เป็นประตูจะกระดุกแขนลงกั้นคนสุดท้ายให้อยู่ระหว่าง กลาง คัดออกไป คนข้างหลังต้องระวังตัวให้ดี มิฉะนั้นตนเองต้องออกจากการเล่น ต้องผ่านให้ได้หมด ทุกคนจึงจะจบเกม บทร้องประกอบ "รีรีข้าวสาร     สองทะนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน     เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน

เสือข้ามห้วยหมู่

 เสือข้ามห้วยหมู่    จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น วิธีเล่น เหมือนกับเสือข้ามเดี่ยว แต่จำนวนผู้ที่เป็นห้วยเพิ่มมากขึ้น นั่งเรียงกันไป โดยเว้นระยะห่างพอ สมควร ผู้ที่เป็นเสือต้องกระโดดข้ามให้พ้นหมดทุกด่าน ถ้าตายที่ด่านใดด่านหนึ่ง ทุกคนจะต้องตายหมด กลายมาเป็นห้วยแทนสลับกัน ส่วนเสือข้ามห้วยเดี่ยวนั้น ถ้าเสือข้ามพ้นทุกขั้น ผู้เป็นห้วยจะถูกลงโทษ โดยพวกเสือจะช่วยกันหามไปทิ้งแล้วิ่งกลับมาที่เล่น ผู้ที่เป็นห้วยต้องพยายามจับให้ได้ ถ้าจับคนใดได้ คนนั้นต้องมาเป็นห้วยแทน

เสือข้ามห้วยเดี่ยว

  เสือข้ามห้วยเดี่ยว  จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น วิธีเล่น จับไม้สั้นไม้ยาว เลือกคนที่เป็นห้วย 1 คน และคนอื่นๆ กระโดดข้ามมีทั้งหมด 8 ท่า ท่าที่ 1 เหยียดขา 1 ข้าง ข้างใดก็ได้ ท่าที่ 2 เหยียดขาทับบนข้างเดิม ให้ส้นเท้าต่อบนหัวแม่เท้า ท่าที่ 3 เหยียดแขนข้างหนึ่งตั้งบนขาทั้งสองข้าง ให้นิ้วก้อยตั้งบนหัวแม่เท้า กางนิ้วห่างๆ กัน ท่าที่ 4 เหยียดแขนอีกข้างหนึ่ง ต่อบนมือข้างเดิม ให้นิ้วก้อยตั้งบนหัวแม่มือของข้างเดิม ท่าที่ 5 นั่งหมอบ ท่าที่ 6 ชักเงี่ยง โดยใช้ข้อศอกข้างหนึ่งยักขึ้นยักลง ท่าที่ 7 ชักเงี่ยงทั้งสอง ใช้ข้อศอกทั้งสองข้างยัก ท่าที่ 8 ลุกขึ้นยืนก้มตัว ใช้ปลายนิ้วมือจรดนิ้วเท้า

ลิงชิงหลัก

  ลิงชิงหลัก    จำนวนผู้เล่น   จำนวนผู้เล่น อย่างน้อย 3 คน วิธีเล่น ผู้เล่นคนหนึ่ง สมมุติว่าเป็น "สิงหลักลอย" ไม่มีหลักจับ อีก 2 คน เป็นลิงจับหลัก ผู้เป็นลิงหลักลอย ต้องพยายามแย่งหลัก ในขณะที่ผู้เล่นทั้งหมดเปลี่ยนที่กัน ส่วนมากมักจะใช้สี่หลัก ผู้ที่เป็นลิงชิงหลักต้องคอย สังเกตดูว่าตนจะชิงหลักไหนได้สะดวก ก็รีบวิ่งไปชิงหลักนั้นไว้ ถ้าจับหลักได้ก่อน ผู้ที่มาช้าก็เป็นลิงหลักลอย คอยชิงหลักของคนอื่น บางคนทำท่าเปลี่ยนแล้วไม่เปลี่ยนเป็นการล่อหลอก ถือว่าเท้ายังยึดหลักอยู่ ผู้อื่นจะชิงไม่ได้

กระโดดเชือกขาเดี่ยว

 กระโดดเชือกขาเดี่ยว    จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น วิธีเล่น เชือกยาวขนาดพอตัวผู้เล่นจับปลายเชือกทั้งสองข้างแกว่งไปข้างหน้า กระโดดข้ามทีเดียว 2 ขา หรือ ทีละขาก็ได้ ถ้ากระโดดไปเหยียบเชือกก็หมดรอบ หรือจะแกว่งย้อนหลังก็ได้

ดมดอกไม้

  ดมดอกไม้    จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่น แขวนดอกไม้ให้ห้อยอยู่ในระดับที่ตรงกับจมูกของคนที่ถูกปิดตา จับสลากเรียงลำดับเสี่ยงทายว่า ใครจะเล่นก่อน เล่นหลัง คนที่เริ่มเล่นก่อนจะต้องถูกปิดตา แล้วให้ผู้ที่จะถูกปิดตาเดิน 5-6 ก้าว จากจุดที่ แขวนดอกไม้ หยุดแล้วหันหน้ามาทางดอกไม้ เพื่อเอาผ้าผูกตา จับหมุน 3 รอบ แล้วหันหน้าให้ตรงกับดอกไม้ ปล่อยให้เดินตามกลิ่นดอกไม้ ให้ใช้จมูกอย่างเดียว ห้ามใช้มือควานหา ผู้เล่นมีสิทธิ์เล่นได้ 2 ครั้ง เมื่อครั้งแรก ดมไม่ถูก ผู้ดูคนหนึ่งพาตัวผู้ดมดอกไม้ไปยืนที่ดอกไม้ให้ดมดอกไม้อีกครั้ง จากนั้นจึงให้เดินอออกจากดอกไม้ 5 ก้าว ให้หันกลับไปทางดอกไม้อีก ถ้าดมดอกไม้ถูกก็ชนะ คนต่อไปก็เล่นตามลำดับ

เก้าอี้ดนตรี

 เก้าอี้ดนตรี    จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น วิธีเล่น ผู้เล่นทุกคนยืนเป็นวงหลังเก้าอี้ เมื่อเพลงขึ้นทุกคนต้องรำ เมื่อเพลงหยุดตอนใด ทุกคนต้องรีบ นั่งเก้าอี้ คนที่เหลือแย่งไม่ทันเพื่อน ต้องออกจากการแข่งขัน กรณีที่แย่งกันนั่งพร้อมกัน 2 คน เก้าอี้ ตัวเดียวกัน ตัดสินไปว่าใครนั่งก่อนให้เริ่มใหม่ เล่นกันต่อไปจนเหลือคนสุดท้าย ก็จะเป็นผู้ชนะเงื่อนไข จำนวนเก้าอี้ต้องน้อยกว่า ผู้เล่น 1 ตัว ทุกครั้ง เช่น ถ้ามีผู้เล่น 4 คน ต้องมีเก้าอี้ 3 ตัว

อีกาฟักไข่

  อีกาฟักไข่    จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวน วิธีเล่น ใช้ผลไม้หรืออะไรก็ได้ สมมุติว่าเป็นไข่ และเขียนวงกลมลงบนพื้นเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 4 ฟุต 1 วง และอีกขาอยู่ในวงแรกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ฟุต วางไข่กำหนดไว้ในวงกลมเล็ก ให้คนใดคนหนึ่ง เป็นกายืนในวงกลมใหญ่ หรือนั่งคร่อมวงกลมเล็ก นอกนั้นทุกคนยืนรอบนอกวงกลมใหญ่ คอยแย่งไข่ คนเป็นกามีหน้าที่ ป้องกันไข่ โดยมีกติกาการเล่น ดังนี้ 1. ผู้มีหน้าที่หยิบ (แย่ง) ไข่ เข้าไปในวงกลมไม่ได้ 2. ผู้มีหน้าที่หยิบไข่ต้องระวังมิให้อีกาตีถูกมือ หรือแขนของตน ซึ่งล่วงล้ำเข้าไปในวงกลมได้ 3. ถ้าแย่งไข่ไปจากอีกาได้หมด ให้ปิดตาอีกา แล้วเอาไข่ไปซ่อนให้อีกาตามหาไข่ ถ้าพบไข่ที่ผู้เล่นคนใด เป็นคนซ่อนผู้นั้นต้องเปลี่ยนเป็นกาแทน

ขี่ม้าโยนบอล

  ขี่ม้าโยนบอล   จำนวนผู้เล่น   ไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องครบคู่ วิธีเล่น แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 กลุ่มเท่าๆ กัน ตั้งวงกลมแล้วเลี้ยงคู่ต่อคู่ ฝ่ายแพ้จะถูกฝ่ายชนะขี่หลัง แต่ละคู่ยืนห่างกัน 3 - 5 เมตร ผู้ที่ขี่หลังจะโยนลูกบอลส่งให้กับฝ่ายที่ถูกขี่หลัง ต้องไม่กระดุกกระดิกเวลา ที่ฝ่ายขี่โยนลูกบอล ถ้าฝ่ายถูกขี่กระดุกกระดิกพยายามให้ลูกบอลตก ฝ่ายขี่จะเอาลูกบอลเคาะศรีษะได้ ถ้าฝ่าย ขี่รับลูกบอลไม่ได้ จะต้องรีบลงจากหลังวิ่งหนี ฝ่ายถูกขี่จะหยิบลูกบอลขว้างได้ ฝ่ายขี่ถ้าขว้างไม่ถูกจะต้อง ถูกขี่ใหม่อีก แต่ถ้าขว้างถูกจะได้เปลี่ยนเป็นฝ่ายขี่แทน

ดาระ

 ดาระ ภาค     ภาคใต้ จังหวัด  สตูล อุปกรณ์ การเล่น รำมะนา ๔ ใบ วิธีการเล่น เป็นการรำโดยผู้ชายและผู้หญิงเป็นคู่ ๆ ในอดีตจะใช้ผู้ชายแต่งเป็นผู้หญิง การรำเริ่มต้นจากการนั่งและจบลงด้วยการนั่ง สำหรับท่ารำอื่น ๆ จะเปลี่ยนไปตามเนื้อเพลง ผู้รำจึงต้องจำเนื้อเพลง การรำนี้จะอาศัยความอ่อนช้อยที่ช่วงตัว มือและเท้า การร้องเพลงดาระจะร้องท่อนคำร้องวรรคแรกสามเที่ยว โดยการร้องสองเที่ยวแรกจะไม่มีดนตรีประกอบ เมื่อเริ่มเที่ยวที่สามจะเริ่มมีดนตรี และเมื่อจบเที่ยวที่สามผู้ตีรำมะนาก็จะรัวรำมะนา เพื่อเตือนให้ผู้รำรู้ตัว และจะรัวรำมะนาอีกครั้งเมื่อเพลงจะจบ โอกาสที่เล่น ในอดีตดาระนิยมรำกันในหมู่บ้าน หลังจากที่ผ่านงานหนักมาตลอดวัน ไม่มีกฎเกณฑ์ว่าจะต้องเล่นในเทศกาลใดเป็นการเฉพาะ ต่อมานิยมรำในงานพิธีมงคล ในปัจจุบันนี้จะมีให้ชมเฉพาะในงานเทศกาลสำคัญของทางจังหวัดสตูลเท่านั้น คุณค่า การรำดาระจะให้ความสุขความรื่นเริงแก่ผู้ชม

การเล่นของเด็ก : ไก่ขึ้นร้าน

  การเล่นของเด็ก : ไก่ขึ้นร้าน ผู้เล่น นิยมเล่นในกลุ่มเด็กผู้หญิง จำนวนผู้เล่นมี ๒-๕ คน สถานที่เล่น เล่นได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง ไม่จำเป็นต้องมีบริเวณกว้างขวางแต่อย่างใด อุปกรณ์ ไม่ไผ่หรือไม้อะไรก็ได้เหลาให้มีขนาดเล็กกว่านิ้วก้อย ยาวประมาณครึ่งฟุต จำนวน ๑๐ อัน วิธีเล่น ก่อนเล่นต้องจับไม้สั้นไม้ยาว หรือใช้วิธีการ"ชันชี" กันก่อนเพื่อหาตัวผู้เล่นคนแรก เมื่อเริ่มเล่น ผู้เล่นจะต้องโยนไม้ทีละอันขึ้นสูงประมาณ ๑ ฟุต แล้วใช้หลังมือของมือที่โยน รับไม้นั้น ทำเช่นนี้จนครบทั้งสิบอัน นับไว้ว่ารับไม้ได้กี่อัน ต่อจากนั้นคนที่สอง ที่สามและคนอื่นๆ ก็ใช้วิธีการเดียวกัน ใครรับไม้ได้จำนวนมากที่สุดคนนั้นเป็นผู้ชนะ เมื่อครบจำนวน คนที่เล่นแล้วก็เริ่มต้นใหม่ โดยผู้ชนะจะเป็นผู้เริ่มเล่นก่อน เล่นกันเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหยุดเล่น ข้อสังเกต ไก่ขึ้นร้านเป็นการเล่นของเด็กๆ มีวิธีการเล่นง่ายๆและไม่เป็นอันตรายต่อผู้เล่นแต่อย่างใด ข้อคิดเห็น เด็กจะได้เล่นสนุกสนาน ฝึกให้รู้จักนับสิ่งของ ฝึกความว่องไวและความแม่นยำในการรับไม้

ชนเผ่าลีซู : การละเล่น

  ชนเผ่าลีซู : การละเล่น การเล่นแบบทำไร่ทำสวน การเล่นก็จะมีสองคนที่เป็นพ่อและแม่ นอกจากนั้นจะเป็นลูกหลาน เด็กที่เล่นพ่อและแม่จะสอนลูกในการทำมาหากินหรือรู้จักชีวิตที่ดี เล่นเป็นหลาย ๆ ครอบครัว อีกครอบครัวหนึ่งเป็นแม่ค้าขายของ มีการไปไร่ทำงานและจะมีการแบ่งไร่ ไร่ใครไร่มันอยู่ห่างกันนิดเดียว ทางเดินที่จะไปไร่ทำเป็นแนวจากหมู่บ้าน พอไปถึงไร่มีการทำท่าแสดงถึงการทำงาน คือ มีการถางหญ้าทำเหมือนกับผู้ใหญ่ถางหญ้าจริง ๆ โดยใช้ไม้มาทำเป็นอุปกรณ์ในการทำไร่ เช่น จอบ มีด พอสักพักมีการกินข้าวเที่ยงและมีการพักผ่อน บางทีตอนกลางวันมีการร้องเพลงโต้ตอบกันระหว่างหนึ่งไร่กับอีกไร่หนึ่งที่อยู่ติดกัน ตอนเย็นมีการหาผัก และหาใบตองกลับบ้านเพื่อเป็นอาหาร พอไปถึงบ้านผู้หญิงทำกับข้าว ส่วนผู้ชายผ่าฟืนให้ผู้หญิง มีการตำข้าว กินข้าวเสร็จนอน ตอนเช้ามีการทำเสียงไก่ขัน เริ่มทำอาหารเช้าและไปไร่เหมือนวันก่อน มีการทำพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีเรียกขวัญให้เด็ก การตั้งชื่อให้เด็ก การละเล่นนี้ทำให้รู้ถึงการทำมาหากินของเด็ก     การเล่นแบบต่อคำ เป็นการเล่นต่อคำที่เน้นความสนุกสนาน เพลิดเพลิน โดยลักษณะการเล่นจะเล่นเป...

ชนเผ่าเมี่ยน : การละเล่น

  ชนเผ่าเมี่ยน : การละเล่น ในชีวิตประจำวันของเมี่ยน การละเล่นที่แสดงออกถึงความรื่นเริงตามประเพณี และเทศกาลต่าง ๆ กล่าวได้ว่าในปัจจุบันแทบจะไม่มีโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะการละเล่นในวัยผู้ใหญ่หรือวัยหนุ่มสาว ส่วนการละเล่นของเด็ก ๆ มีเพียงไม่กี่อย่าง เช่น การเล่นไล่จับกัน ซึ่งเล่นรวมกันทั้งเด็กชายและหญิง การเล่นลูกข่าง การเดินไม้โกงกาง เมี่ยนไม่มีการละเล่นตามประเพณีประจำเทศกาลที่มีรูปแบบชัดเจน โดยเฉพาะการละเล่นของเมี่ยน มักเป็นการละเล่นที่อาศัยเล่นในโอกาสของงานพิธีกรรมต่าง ๆ และก็มักจะเป็นพิธีแต่งงานกับวันปีใหม่เท่านั้น ที่สามารถแสดงการละเล่นได้อย่างสนุกสนานเต็มที่ การละเล่นของเมี่ยน ได้แก่ 1. หนังสติ๊ก (ถางกง) ทำมาจากไม้ เมี่ยนจะนำไม้ประมาณเท่ากับแขนที่ปลายแยกออกจากกัน นำมาแต่งให้สวยและพอกับมือจับ เอาหนังยางมามัดให้สามารถดึงแล้วยิงได้ วิธีการเล่น นำก้อนหินมาวางตรงที่เป็นยาง ดึงแล้วปล่อยใช่เล่นยิงแข่งกัน 2. ปืนไม้ไผ้ (พ้าง พ้าง) เป็นของเล่นที่เด็กนิยมเล่นกันมาก วิธีการทำ คือ เอาไม้ไผ่ลำใหญ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร มาทำเป็นกระบอกปืน และเหลาไม้อีกอันมาใช้สำหรับเป็นตัวยิง จะนำผลของ...

การเล่นโม่ง

 การเล่นโม่ง ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  กาญจนบุรี วิธีการเล่น ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น และแบ่ง ๒ ฝ่าย ชาย หญิง ดังนี้ ๑. การเล่นโม่งให้ สมมุติฝ่ายชาย ๑ คน เรียกว่าเป็นตัวโม่ง เมื่อเริ่มเล่นก็จะวิ่งไล่จับฝ่ายหญิงคนใดคนหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดรอบ ๆ บริเวณพื้นที่เล่นใต้ร่มไม้หรือใต้ถุนบ้าน เมื่อตัวโม่งจับฝ่ายหญิงได้แล้ว จะเอามือทุบหลังฝ่ายหญิงเบา ๆ แล้วพูดว่า "โม่ง" พร้อมกับบอกชื่อฝ่ายชายคนที่ตนต้องการให้ฝ่ายหญิงมาโม่งต่อ เมื่อฝ่ายหญิงทราบชื่อฝ่ายชายแล้วก็ช่วยกันไล่จับและโม่งหลังชาย พร้อมกับบอกชื่อหญิงฝ่ายตนแล้วผลัดกันเป็นตัวโม่งกันไปเรื่อย ๆ ๒. การเล่นโม่งติด วิธีการเล่นแบ่งเป็น ๒ ฝ่ายเช่นเดียวกัน เมื่อฝ่ายไหนเป็นตัวโม่งก็จะพยายามดึงฝ่ายตรงข้ามให้หลุดออกมา ๑ คน (ในขณะที่ฝ่ายนั้นก็จะพยายามติดตัวกันไว้อย่างเหนียวแน่นมิให้หลุดแยกออก เป็นคนเดียวได้) เมื่อฝ่ายเป็นตัวโม่งพยายามดึงหลุดออกมาได้แล้วก็จะใช้มือทุบหลังและพูดคำ ว่า "โม่ง" เช่นกัน บุคคลนั้นก็จะเป็นตัวโม่งและฝ่ายของตนก็จะช่วยกันดึงฝ่ายตรงข้ามให้หลุดออก มาและโม่งกันเรื่อยไป จนกว่าจะตกลงกันว่าเล...

ว่าว

  ว่าว ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  กรุงเทพมหานคร อุปกรณ์และวิธีการเล่น ว่าวโดยทั่วไปมีโครงสร้างประกอบด้วยไม้ไผ่สีสุก นำมาผ่าแล้วเหลา ให้ได้ตามที่ต้องการแล้วนำมาประกอบกันให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ผูกติดกันด้วยเชือกโยงยึดกัน เป็นโครงสร้างและปิดด้วยกระดาษชนิดบางเหนียว เช่น กระดาษสาและตกแต่งลวดลายด้วยจุด หรือดอกดวงเพื่อปิดยึดกระดาษกับเชือกให้แน่นว่าวที่นิยมกันคือ ว่าวจุฬา ซึ่งมีโครงสร้างประกอบด้วยไม้ไผ่สีสุก ๕ ชิ้น มีจำปา ๕ ดอก ทำด้วยไม้ไผ่ยาว ๘ นิ้ว เหลากลมโตประมาณ ๓ มิลลิเมตร จำปา ๑ ดอกมีจำนวนไม้ ๘ อัน มัดแน่นกับสายป่านที่ชักว่าวจุฬาอันเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้กับปักเป้า ว่าวปักเป้า มีโครงสร้างประกอบด้วยไม้ไผ่สีสุกเหลากลม ๒ ชิ้น มีเหนียงเป็นเชือกยาว ๘ เมตร ผูกปลายทั้ง ๒ ข้าง ให้หย่อนเป็นสายรูปครึ่งวงกลมเพื่อคล้องตัวว่าวจุฬาให้เสียสมดุลจนตกลงพื้น ดิน ว่าวหง่าว ทำด้วยโครงไม้ไผ่ปิดกระดาษสา ลำตัวตอนบนมีรูปคล้ายอกว่าวจุฬามีเอวคอดและท่อนล่างกว่าท่อนบน ตอนส่วนหัวมีไม้ไผ่เหลาและขึงเชือกเหมือนคันธนู ส่วนขึงเชือกนี้จะเกิดเสียงเมื่อต้องลม เสียงนี้ช่วยกำจัดความชั่วร้ายได้ ปัจจุบันว่าวที่ม...

นางลิงลม

  นางลิงลม ภาค     ภาคกลาง จังหวัด  สระแก้ว โอกาส/ช่วงเวลาที่เล่น เล่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ลงถึงช่วงสงกรานต์ขึ้น มักอยู่ในช่วงวันที่ ๑๓ เมษายน-๒๐ เมษายน ของทุกปีแล้วแต่กำหนดของท้องถิ่น ถ้าสงกรานต์ขึ้นก็จะมีการทำบุญใหญ่กำหนดเป็นที่รู้กัน พวกเด็ก ๆ ก็จะเลิกเล่นพิธีกรรมต่าง ๆ ทันที เวลาที่นิยมเล่นคือช่วงเย็นแดดร่มลมตกไปช่วงหัวค่ำ วิธีเล่นและอุปกรณ์การเล่น นำเด็กผู้ชายอายุระหว่าง ๗-๑๕ ปี ที่ถูกกำหนดให้เป็นร่างทรงผีนางลิงลม มาผูกเอวด้วยผ้าขาวม้า ด้วยชายผ้าข้างหนึ่งหันชายผ้าอีกข้างหนึ่งไปทางด้านห้อง เปรียบเหมือนเชือกที่ล่าลิงให้เด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกัน อีกคนหนึ่งกำหนดตัวให้เป็นเจ้าของลิง ถือชายผ้าไว้หักดอกไม้ตามชายป่ามาให้ร่างทรงนางลิงลมถือ พนมมือหันหน้าไปทางทิศตะวันตก คุกเข่าหมอบลง ให้เด็กชายอีก ๒ คน ยืนขนาบข้างซ้าย-ขวา ดึงผ้าขาวม้าที่ขึงค่อนข้างตึงข้างละ ๒ มุม ขยับมือโบกผ้าขาวม้าขึ้นลง เด็กชายหลายคนช่วยกันร้องเชิญผีนางลิงลมมาเข้าสิงร่างทรง " นางลิงลมมาอมข้าวพอง เด็กน้อยทั้งสองมาทัดดอกเจ็ก พญาลงเล็กพญาลงเข่า (เข้า) พระเจ้าลิงลม" ร้องเชิดเช่นนี้เป็นหล...

วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว

 วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว (การเล่นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น) การเล่นวิ่งวัวหรือที่นิยมเรียกกันในปัจจุบันว่า วิ่งเปี้ยว อาจเป็นการวิ่งทางตรงสวนกันหรือวิ่งเป็นวงกลมเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งไล่ให้ทันอีกฝ่ายหนึ่ง วัตถุประสงค์ เพื่อฝึกความเร็วและความแข็งแรง เพื่อฝึกความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อการฝึกบริหารกาย อุปกรณ์ เสา 2 หลัก ผ้าเช็ดหน้า 2 ผืน ผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเท่า ๆ กัน รูปแบบ ปักหลัก 2 ข้าง หรือใช้คนนั่งเป็นหลัก ข้างละหลัก ระยะห่างประมาณ 50 หลา ผู้เล่นยืนเข้าแถวตอนด้านหลังหลักแต่ละข้าง  วิธีการเล่น เริ่มต้นพร้อมกันทั้งสองฝ่าย โดยผู้เล่นของแต่ละฝ่ายวิ่งอ้อมหลักไล่ให้ทันกัน มือถือผ้าคนละผืนเมื่อถึงฝ่ายของตนให้ส่งผ้าให้คนต่อไป ถ้าผ้าของใครตกต้องหยุดเก็บผ้าก่อน หรือคนต่อไปเก็บผ้าและถือไว้ วิ่งต่อไป ฝ่ายไล่ทันต้องใช้ผ้าที่ถืออยู่ตีอีกฝ่ายหนึ่งจึงถือว่า ฝ่ายนั้นชนะ ข้อเสนอแนะ ผู้เล่นคนใดถูกตีต้องรำตามเพลงที่ผู้ตีร้อง

กลองหม้อตาล

  กลองหม้อตาล (การเล่นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น) กำเนิดมาจากในสมัยก่อนเมื่อขายหรือใช้น้ำตาลหมดหม้อ เด็ก ๆ จะนำหม้อที่ใช้แล้วมาทำเป็นกลอง แสดงให้เห็นว่า มีการปั้นหม้อเป็นภาชนะใช้กันทั่วไปทุกครัวเรือน หม้อไม่ใช่สิ่งที่มีราคาค่างวด วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้มีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักคิดประดิษฐ์เครื่องมือประกอบการเล่นด้วยตนเอง อุปกรณ์ หม้อตาล ผ้าขี้ริ้ว เชือก ดินเหนียว ไม้ขนาดเล็ก ไม้สำหรับใช้ตี ผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน รูปแบบ ผู้เล่นยืนกระจายหันหน้าเข้าหากัน พร้อมกับตั้งกลองหม้อตาลไว้หน้าตนเอง ดังภาพประกอบ ภาพประกอบ รูปแบบการเล่นกลองหม้อตาล ที่มา : จิรกรณ์ ศิริประเสริฐ. เกมเบ็ดเตล็ด หน้า 52 วิธีการประดิษฐ์ หาหม้อตาลมา 1 ใบ ใช้ผ้าขี้ริ้วหุ้มที่ปากหม้อ รัดด้วยเชือกที่คอหม้อให้แน่น หาไม้เล็ก ๆ มาขันที่คอหม้อให้ผ้าตึง ละเลงดินเหนียวเหลว ๆ ทาให้ทั่วปากหม้อ ลองตีดูว่ามีเสียงดัง ถือว่าใช้ได้ วิธีการเล่น ผู้เล่นนำกลองหม้อตาลมาตีแข่งกัน ถ้ากลองหม้อตาลของใครตีดังกว่าถือว่าเก่ง จะเป็นผู้ชนะ กรณีที่ผ้าหุ้มกลองหม้อตาลขาดต้องทำใหม่

ไม้หึ่ง

 ไม้หึ่ง (การเล่นในสมัยอยุธยา) เป็นการเล่นที่เล่นได้ทั้งหญิงและชาย มีกฎกติกาและระเบียบแบบแผนในการเล่น ที่เห็นได้อย่างชัดเจน มีการใช้อุปกรณ์จำเพาะ นิยมเล่นกันในเทศกลางตรุษสงกรานต์ วัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความสามัคคี ความพร้อมเพรียง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อฝึกไหวพริบ อุปกรณ์ แม่ไม้ 1 อัน มีขนาดความยาวประมาณ 24-32 นิ้ว โตขนาดเท่าไม้ถือ ลูกไม้ 1 อัน มีขนาดความยาวประมาณ 3 นิ้ว โตขนาดเท่าส่วนปลายของแม่ไม้ ผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน โดยจะเล่นรวมทั้งชายและหญิง หรือเล่นเฉพาะชายกับชาย หญิงกับหญิงก็ได้ รูปแบบ แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายตีและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายรับ ดังภาพประกอบ ภาพประกอบ รูปแบบการเล่นไม้หึ่ง ที่มา : จิรกรณ์ ศิริประเสริฐ. เกมเบ็ดเตล็ด หน้า 40 ad วิธีการเล่น แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่ายเท่า ๆ กัน ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายตี อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายรับ ขุดรางลงในดินให้ยาวประมาณ 3 นิ้ว กว้างพอวางลูกไม้ขวางแล้วไม่ตก เริ่มตีลูกที่ 1 ฝ่ายตีคนแรกเอาลูกวางขวางราง เอาแม่ไม้งัดให้ลูกลอยไปตก ทางฝ่ายรับ แล้วเอาแม่ไม้วางขวางรางไว้ ถ้าฝ่ายรับรับลูกได้ คนที่ตีลูกมาต้อง “ตาย” ถ้าฝ่ายรับรับไม่ได...

ลิงชิงหลัก

  ลิงชิงหลัก (การเล่นในสมัยอยุธยา) เป็นการเล่นที่ต้องใช้ความคล่องแคล่วในการวิ่งเปลี่ยนหลัก แข่งขันกันระหว่างผู้เล่น ที่เป็นลิงและผู้เล่นที่เปลี่ยนหลัก โดยมากนิยมเล่นกันในเด็กเล็กมากกว่าเด็กโต เด็ก ๆ จะเล่นกัน ใต้ถุนบ้านหรือใต้ถุนโรงเรียน วัตถุประสงค์ เพื่อฝึกไหวพริบ การสังเกต และความว่องไว อุปกรณ์ หลักหรือเสา 3 ต้น โดยเอาจำนวนผู้เล่นลบออกด้วยหนึ่งจะเป็นจำนวนของเสาหรือหลัก แต่ถ้ามีผู้เล่นตั้งแต่ 8 คน จะลบออกสองหรือสามก็ได้ ผู้เล่น อย่างน้อย 4 คน รูปแบบ วงกลม 1 วง มีผู้เล่นอยู่กลางวง 1 คน ทำหน้าที่เป็นลิง  วิธีการเล่น เลือกผู้เล่นให้ออกมาเป็นลิง 1 คนหรือ 2 คน แล้วแต่จำนวนของผู้เล่น ให้ผู้เล่นทุกคนที่ไม่ได้เป็นลิงยืนเกาะอยู่กับหลักของตนเอง ให้ลิงอยู่ตรงกลางระหว่างหลัก ผู้เล่นทุกคนจะต้องพยายามที่จะเปลี่ยนหลักหรือเสากัน แล้วผู้เล่นที่เป็นลิงจะต้องคอยแย่งหลักให้ได้ ถ้าลิง แย่งเกาะหลักไม่ได้จะต้องใช้ความว่องไวและการสังเกตมากขึ้น เพื่อที่จะแย่งหลักให้ได้ แต่ถ้าลิงแย่งหลักได้ ผู้ที่ไม่มีหลักจะกลายมาเป็นลิงแทน ข้อเสนอแนะ ในการเปลี่ยนหลักถ้าผู้เล่นผู้ใดมาถึงหลักที่ว่างอยู่ก่อนจะได้หลักนั...