มอญซ่อนผ้า
มอญซ่อนผ้า หมายถึง กิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านอย่างหนึ่งของเด็กไทย ที่ใช้ผู้เล่น
ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปโดยนั่งเป็นวงกลมแล้วมีผู้เล่นหนึ่งคนถือผ้าตะพดเป็นผู้กำหนดว่าจะเฆี่ยนผู้ใดก็ใช้
ผ้าวางไว้หลังผู้นั้น แล้วออกวิ่งไปรอบวงจนมาถึงผ้าที่วางไว้จึงหยิบผ้ามาเฆี่ยนผู้ที่ถูกซ่อน
ความเป็นมาและลักษณะการละเล่นมอญซ่อนผ้า
มอญซ่อนผ้าเป็นการละเล่นของไทย เป็นการละเล่นที่มีประวัติมายาวนาน
สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในสมัยอยุธยา การละเล่นนี้ถือเป็นที่นิยมมากสำหรับเด็กมีจุดประสงค์เพื่อสร้าง
ความสนุกสนาน การมีไหวพริบไม่มีระเบียบแบบแผนการเล่นที่ซับซ้อนแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้าง
พัฒนาการทางด้านร่างกายต่าง ๆ เช่น ทางด้านจิตใจ อารมณ์ รู้จักการให้อภัยสร้างความสามัคคีใน
หมู่คณะปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนรักความความเป็นไทย การละเล่นนี้ไม่ใช่การละเล่นของมอญ
คาดว่าเป็นการละเล่นที่คนไทยคิดขึ้นมา ด้วยความที่คนไทยและคนมอญแต่เดิมทีมีความสนิทสนม
คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คนไทย จึงหยิบยกเอาจุดอ่อนของมอญขึ้นมาล้อเล่น เย้าแหย่กันประสาเพื่อนฝูงเพราะคนมอญนั้นซ่อนผ้าจริง ๆ และคนมอญนั้นไม่เล่นตุ๊กตา
กฎกติกา
การละเล่นนั้นไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด เพียงมีผู้เล่นเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงก็ได้อย่างน้อยสัก 8 คนขึ้นไป
และมีอุกรณ์ประกอบการละเล่นได้แก่ ผ้ามา 1 ผืน นำมาพับและมัดเป็นก้อนกลม ๆ คล้ายตุ๊กตา
มีชายสำหรับถือหรือใช้ตุ๊กตาผ้าจริง ๆ เมื่อคนเล่นพร้อมแล้ว ก็เลือกใครคนหนึ่งหรือมีการกำหนด
ด้วยหลักเกณฑ์ตามข้อตกลงกันในกลุ่มโดยให้ผู้เล่นมาสวมบทบาทให้เป็นมอญ คนที่เหลือก็นั่งล้อมวง
ช่วยกันส่งเสียงร้องเพลงดังคำร้องดังนี้ มอญซ่อนผ้าตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ใครเผลอไม่คอยระวัง ตุ๊กตาอยู่
ข้างหลังระวังจะถูกตี หรือ มอญซ่อนผ้าตุ๊กตาอยู่ข้างหลังไว้นู้นไว้นี้ฉันจะตีก้นเธอ ระหว่างที่ร้องเพลง
ผู้ที่สวมบทบาทเป็นมอญมอญจะถือผ้าที่เป็นอุปกรณ์การเล่นเพียงชิ้นเดียววิ่งหรือเดินช้า ๆ เวียน
ด้านหลังคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ จะเวียนซ้ายหรือขวาก็ได้ แต่ต้องเวียนไปทางเดียวกันตลอดการเล่น
แล้วเลือกทิ้งผ้าไว้ที่ข้างหลังคนใดคนหนึ่ง มอญจะรีบเดินเวียนต่อไปเพื่อให้ครบรอบ และหากคนที่ถูก
ซ่อนผ้าไว้ข้างหลังไม่รู้ตัว เมื่อมอญเวียนมาครบรอบก็หยิบผ้านั้นขึ้นมาไล่ตีก้นคนที่ถูกทิ้งผ้า
คนที่ถูกทิ้งผ้าต้องวิ่งหนีไปรอบ ๆ จนกว่าจะเวียนกลับมานั่งที่เดิมของตนได้ คนที่เป็นมอญก็จะยังเล่น
เป็นมอญต่อไป แต่ถ้าคนที่ถูกทิ้งผ้านั้นรู้ตัว ก่อนที่มอญจะเวียนมาครบรอบ รีบฉวยผ้านั้นไล่ตีมอญไป
เรื่อยจนกว่ามอญจะลงไปนั่งแทนที่เดิมของตน และคนผู้นั้นก็จะได้เล่นเป็นมอญแทน
ปัจจุบันการละเล่นมอญซ่อนผ้าเริ่มได้รับความนิยมน้อยลงจากสังคมของ
เด็กไทยในยุคปัจจุบันเพราะเด็กไทยในยุคปัจจุบันให้ความสนใจกับสื่อเทคโนโลยีมากกว่า จนลืมไปว่า
การละเล่นมอญซ่อนผ้าเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของคนไทยสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยภูมิปัญญาอันล่ำค่าและ
ให้ประโยชน์ด้วยการเสริมสร้างพัฒนาการต่าง ๆ ทางด้านร่างกายรวมถึงความเพลิดเพลิน ฝึกการมี
ไหวพริบและยังช่วยอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมการละเล่นพื้นบ้าน
อุปกรณ์
ผ้าเช็ดหน้าขนาดใหญ่หนึ่งผืน ไม่ต้องขมวดหรือพันให้เป็นเกลียว เพราะถ้าฟาดถูกผู้ใดเข้าแล้วจะเจ็บ
วิธีเล่น
ขั้นที่ ๑ ให้ผู้เล่นทั้งหมดจับไม้สั้นไม้ยาว ผู้ที่ได้ไม้สั้นที่สุด ถือผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้แล้วออกไปยืนข้างนอก ที่เหลือนอกนั้นนั่งกันเป็นวงกลม หันหน้าเข้าหากัน ในระยะห่างกันประมาณ ๑ ศอก เอามือทั้งสองพาดไว้ที่ตัก คุยกันหรือร้องเพลงก็ได้ เพื่อความรื่นเริง
ขั้นที่ ๒ ให้ผู้ถือผ้าบังตัวไว้มิให้ผู้นั่งเห็นได้ถนัด แล้วเดินหรือวิ่งไปรอบๆ วงต้องทำท่าหรือหน้าตาให้สนิท เดินบ้างวิ่งบ้าง ทำเป็นวางผ้าแต่ไม่วาง เพื่อหลอกล่อผู้ที่นั่งให้เผลอตัวเมื่อเห็นเป็นโอกาสแล้วก็แอบหย่อนผ้าลงไว้ใกล้หลังผู้นั่งคนใดคนหนึ่ง เมื่อวางผ้าแล้วควรเดินหรือวิ่งให้เร็วต่อไปเพื่อกลับถึงที่เดิมโดยมิให้ผู้นั้นต้องรู้ตัว
ขั้นที่ ๓ ถ้าผู้ถูกวางผ้าข้างหลังรู้สึกตัวเสียก่อนผู้วางผ้ามาถึง ก็ต้องรีบฉวยผ้าวิ่งมานั่งแทนที่ของตนได้ แล้วจึงเดินหาโอกาสวางผ้าไว้ข้างหลังผู้หนึ่งผู้ใดต่อไป แต่ถ้าถูกวางข้างหลังไม่รู้สึกตัว จนผู้ที่วางวิ่งมาถึงก็หยิบผ้าที่วางนั้นขึ้นฟาดผู้ถูกวางจนกว่าจะลุกขึ้นรับผ้าออกเดิน ผู้วางจึงลงนั่งแทนที่
ข้อระวังในการเล่น ผู้นั่งทุกคนจะหันหน้าไปดูข้างหลังไม่ได้ ถ้าหากสงสัยว่าจะมีผ้าอยู่ข้างหลังตนหรือไม่ก็ให้ใช้มือคลำดูเท่านั้น ผู้ถือต้องวางผ้าลงข้างหลังให้ใกล้ตัวผู้นั่ง จะวางเกินกว่า ๑ ศอกไม่ได้และให้วิ่งหรือเดินต่อไปข้างหน้าจนบรรจบรอบ จะหันหลังเดินย้อนมาไม่ได้
เพลงประกอบการเล่น
"มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ใครเผลอคอยระวัง ใครเผลอคอยระวัง ตุ๊กตาอยู่ข้างหลังระวังจะถูกตี”
คุณค่า/แนวคิด/สาระ
1. เพื่อหัดให้ผู้เล่นเป็นคนว่องไว
2. เพื่อฝึกให้ผู้เล่นเป็นคนที่มีไหวพริบและรู้จักสังเกตเหตุการณ์ต่างๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น