ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เดินกุ๊บกั๊บ

เดินกุ๊บกั๊บ 
เป็นการละเล่นของถิ่นอีสานโดยประดิษฐ์จากวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
การเดินกุ๊บกั๊บ เป็นการเล่นสวมรองเท้าต่อขาให้สูงขึ้น สันนิษฐานว่าเดิมน่าจะใช้ในการเดินข้ามที่ชื้นแฉะ หรือพงหนามที่ไม่รกเรื้อ และสูงจนเกินไป

อุปกรณ์ในการเล่น
เอากะลามะพร้าวมาผ่าครึ่งคู่หนึ่งวางคว่ำลงกับพื้น เจาะรูที่ก้นกะลาทั้ง ๒ ข้าง หาเชือกที่เหนียวพอประมาณมา ๑ เส้น มีความยาวพอประมาณที่จะใช้มือดึงในขณะที่ยืนอยู่ได้ ปลายเชือกแต่ละข้างร้อยรูกะลาที่เจาะไว้ จะใช้ตะปูหรือไม้ที่แข็งแรงผูกปลายเชือกที่ร้อยกะลาไม่ให้เชือกหลุดจากรู กะลา
เวลาเล่นใช้เท้าเหยียบลงบนกะลาทั้ง ๒ ข้างให้เชือกตึงอยู่ระหว่างง่ามหัวแม่เท้า เวลาเดินดึงเชือกให้ตึงกะลาติดเท้าไปด้วย กะลากระทบพื้นจะมีเสียงดัง กุ๊บกั๊บ หรือ ก๊อบแก๊บ

โอกาสและเวลาที่เล่น
เดินกุ๊บกั๊บเป็นการละเล่นที่เด็กผู้หญิงนิยมเล่นมากกว่าเด็กผู้ชาย เพราะไม่สู้เป็นอันตราย หรือเด็กผู้ชายที่กลัวไม้สูงก็จะเล่นเดินกุ๊บกั๊บ เป็นการละเล่นสนุกสนานของเด็กเล่นได้ทุกโอกาส
การแข่งขันเดินกุ๊บกั๊บหรือเดินกะลาจะไม่ค่อยมีในผู้ใหญ่ เด็ก ๆ จะเล่นกันตามบ้านหรือเล่นในโรงเรียนในเวลาพักลางวันหรือในเวลาว่าง


คุณค่า
เป็นภูมิปัญญาของการประดิษฐ์ของเล่นให้เด็กๆ หรือเด็กๆสามารถทำเองได้จากวัสดุพื้นบ้านที่ใกล้ตัว กะลาเมื่อเดินจนแตก หรือเลือกเล่นก็จะกลายเป็นปุ๋ยได้เป็นเชื้อเพลิงได้ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางมลพิษ และเป็นการฝึกให้ผู้เล่นรู้จักการทรงตัว ความสนุกสนานอยู่ที่การทรงตัวบนกะลาและพากะลาให้ไปได้อย่างรวดเร็ว เป็นของเล่นที่ราคาถูกเป็นการประหยัดอดออมรู้จักคิดรู้จักประดิษฐ์เป็นงาน สร้างสรรค์


ปัจจุบันการเล่นเดินกุ๊บกั๊บแทบจะหาไม่ได้มีโรงเรียนน้อยแห่งที่สนับสนุนให้ เด็กเล่นอยู่โรงเรียนจะสอนการละเล่นตามหลักสูตรที่ไม่สู้จะมีเรื่องของท้อง ถิ่นเด็กๆมีรองเท้าสวมใส่ไม่ต้องเกรงว่าเท้าจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ของเล่นมีให้เลือกเล่นมากมายและทันสมัย การเล่นเดินกุ๊บกั๊บ หรือเดินกะลาจึงเป็นการละเล่นที่หาดูได้ยากในยุคสมัยนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การละเล่นพื้นบ้าน 4 ภาค: ภาคกลาง หมากเก็บ

 การละเล่นพื้นบ้าน 4 ภาค: ภาคกลาง หมากเก็บ    จำนวนผู้เล่น   2 - 4 คน วิธีเล่น ใช้ก้อนกรวดที่มีลักษณะกลมๆ 5 ก้อน เสี่ยงทายว่าใครจะเล่นก่อน โดยวิธีขึ้นร้าน คือ ถือหมากทั้งห้าเม็ดไว้แล้วโยนพลิกหงายหลังมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับอีกที ใครเหลือหินอยู่ในหินอยู่ในมือมากที่สุดคนนั้นเล่นก่อน มีทั้งหมด 5 หมาก หมากที่ 1 ทอดหมากให้ห่างๆ กัน เลือกลูกนำไว้ 1 เม็ด ควรใช้เม็ดกรวดที่ห่างที่สุด โยนเม็ดนำขึ้นแล้วเก็บทีละเม็ดพร้อมกับรับลูกนำที่หล่นลงมาให้ได้ ถ้ารับไม่ได้ถือว่า "ตาย" ขณะที่หยิบเม็ดที่ทอดนั้น ถ้ามือไปถูกเม็ดอื่นถือว่า ตาย หมากที่ 2 เก็บทีละ 2 เม็ด หมากที่ 3 เก็บทีละ 3 เม็ด หมากที่ 4 ใช้โปะ ไม่ทอด คือ ถือหมากทั้งหมดไว้ในมือ โยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้นแล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้ "ขี้นร้าน" ได้กี่เม็ดเป็นแต้มของคนนั้น ถ้าขึ้นร้านเม็ดหล่นหมด ใช้หลังมือรับไม่ได้ ถือว่า "ตาย" ไม่ได้แต้ม คนอื่นเล่นต่อไป ถ้าใครตายหมากไหนก็เริ่มต้นหมากนั้น ส่วนมากกำหนดแต้ม 50-100 แต้ม เมื่อแต้มใกล้จะครบ เวลาขึ้นร้านต้องคอยระวังไม่ให้เกินแต้มที่กำหนด ถ้าเกินไปเท่าไร หมายถึงว่าต้องเร...

การเล่นเพลงยิ้มใย

 การเล่นเพลงยิ้มใย ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  สุโขทัย เพลงยิ้มใย ปัจจุบันหาผู้ร้องได้น้อยลงทุกที ลักษณะการร้อง คือ จะมีลูกคู่ร้องสอดรับคำว่า เชียะ เชียะ เชียะ ที่ท่อนกลางของเนื้อร้องท่อนที่หนึ่งกับร้องรับทวนซ้ำสองบทหลังสอง ครั้งแล้วจึงลงคำว่า เอ๋ยแล้วเอย นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเพลงยิ้มใยสุโขทัย ไม่พบที่ใด เพลงหน้าใยของทางภาคกลางก็มีลักษณะต่างกัน แต่เรียกชื่อคล้ายกันมาก ลักษณะการเล่น เป็นการเล่นของกลุ่มหนุ่มสาว การแต่งกาย แต่งกายอย่างชาวชนบทไทยในสมัยนั้น สถานที่ (ลานวัด และหมู่บ้านที่เป็นทางเดินแห่ขบวน) วิธีเล่น ในเทศกาลตรุษ สงกรานต์ก่อนจะสรงน้ำพระจะนำพระพุทธรูปใส่เกวียนแล้วแห่รอบหมู่บ้าน จากนั้นจึงนำไปสรง เพลงยิ้มใยนี้จะร้องเล่นกันไปในระหว่างแห่พระนั่นเอง เนื้อความทำนองร้องเล่นรื่นเริงสนุกสนาน ส่วนในเทศกาลออกพรรษา ทอดผ้าป่า ทอดกฐินนั้น ก็จะร้องเล่นกันไปในขณะเดินขบวน เพลง ลักยิ้มก็ฉันเอย นะพ่อคุณเอ๋ยยิ้มใย (ลูกคู่) เชียะ เชียะ เชียะ ตัดผมเรือนนอก ทัดแต่ดอกไม้ไหว ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถิดเอย (ลูกคู่) ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถิดเอย ตัดผมเรือนนอก ทัดแต่ดอกไม้ไหว ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถ...

วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว

 วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว (การเล่นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น) การเล่นวิ่งวัวหรือที่นิยมเรียกกันในปัจจุบันว่า วิ่งเปี้ยว อาจเป็นการวิ่งทางตรงสวนกันหรือวิ่งเป็นวงกลมเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งไล่ให้ทันอีกฝ่ายหนึ่ง วัตถุประสงค์ เพื่อฝึกความเร็วและความแข็งแรง เพื่อฝึกความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อการฝึกบริหารกาย อุปกรณ์ เสา 2 หลัก ผ้าเช็ดหน้า 2 ผืน ผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเท่า ๆ กัน รูปแบบ ปักหลัก 2 ข้าง หรือใช้คนนั่งเป็นหลัก ข้างละหลัก ระยะห่างประมาณ 50 หลา ผู้เล่นยืนเข้าแถวตอนด้านหลังหลักแต่ละข้าง  วิธีการเล่น เริ่มต้นพร้อมกันทั้งสองฝ่าย โดยผู้เล่นของแต่ละฝ่ายวิ่งอ้อมหลักไล่ให้ทันกัน มือถือผ้าคนละผืนเมื่อถึงฝ่ายของตนให้ส่งผ้าให้คนต่อไป ถ้าผ้าของใครตกต้องหยุดเก็บผ้าก่อน หรือคนต่อไปเก็บผ้าและถือไว้ วิ่งต่อไป ฝ่ายไล่ทันต้องใช้ผ้าที่ถืออยู่ตีอีกฝ่ายหนึ่งจึงถือว่า ฝ่ายนั้นชนะ ข้อเสนอแนะ ผู้เล่นคนใดถูกตีต้องรำตามเพลงที่ผู้ตีร้อง