ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ว่าวหง่าว

 ว่าวหง่าว
(การเล่นในสมัยกรุงสุโขทัย)
ว่าวหง่าวหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ว่าวดุยดุ่ยหรือตุ๊ยตุ่ยหรืออีตุ้ย นิยมเล่นในฤดูหนาวในช่วงตอนเช้ามืด เมื่อดาวประกายพรึกขึ้นสว่าง ผู้ใหญ่ชาวบ้านพากันไปรดน้ำยาสูบและขณะเดียวกันก็ถือโอกาสนำว่าวไปเล่นด้วย ส่วนเด็ก ๆ นิยมเล่นว่าวหง่าวในตอนเย็น การเล่นว่าวหง่าวนอกจากจะประดิษฐ์ให้ว่าวมีเสียงดังและลอยสูงแล้ว ยังต้องให้ว่าวแกว่งฉวัดเฉวียนไปมาด้วย
วัตถุประสงค์
เพื่อความสนุกสนานและสัมพันธ์ไมตรีต่อกัน
เพื่อให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
เพื่อฝึกการรู้จักสังเกต
อุปกรณ์
ไม้ไผ่ใช้ทำโครงว่าว
เชือกป่าน
ด้าย
กระดาษว่าว
แป้งเปียกหรือกาว
ad
ผู้เล่น
ไม่จำกัดจำนวน ว่าว 1 ตัวต่อผู้เล่น 1 คน
รูปแบบ
ผู้เล่นกระจายกันออกไป ดังภาพประกอบ

ภาพประกอบ รูปแบบการเล่นว่าวหง่าว
ที่มา : จิรกรณ์ ศิริประเสริฐ. เกมเบ็ดเตล็ด หน้า 31

วิธีการประดิษฐ์
นำไม้ไผ่มาเหลาให้เล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.2 – 0.3 เซ็นติเมตร สั้น 4 อัน ยาว 1 อัน ความยาวแล้วแต่ขนาดของว่าวที่ต้องการ
นำไม้ไผ่ที่เหลาแล้วมาผูกเป็นโครงว่าวให้อันยาวเป็นไม้แกนหรือไม้อก อันสั้นวางขวาง ทำเป็นปีก 2 ปี ปีด้านหัวจะใหญ่กว่าปีด้านล่างเกือบ 2 เท่า ใช้ด้านผูกติดให้แน่น แล้วโยงเชือกตามปลายไม้ให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว
นำกระดาษว่าวมาติดตามโครงว่าวโดยให้กระดาษใหญ่กว่าโครงว่าวประมาณ 1 นิ้ว เพื่อความสะดวกในการพับขอบติดกาวตามโครง
นำแป้งเปียกมาทาที่ขอบของกระดาษแล้วนำไปติดกับโครงว่าว ทิ้งไว้ให้แห้ง
นำเชือกขนาดเล็กมาผูกเป็นคนซุงโดยเจาะรูเล็ก ๆ ผูกติดกับแกนหรือไม้ออกซึ่งเป็นไม้ถือสำหรับจับว่าวขณะที่ส่งว่าวขึ้นไปในท้องฟ้า กะระยะใช้น้ำหนักถ่วงพอดีไม่ให้เอียงแล้วนำไปผูกกับเชือกป่านที่ใช้ชักว่าว
ติดคันเสียงซึ่งทำจากไม้ไผ่เป็นคันไม้ แล้วใช้ใบลานหรือใบตาลผูกปลาย ด้วยเชือกตั้งสองด้าน ผูกให้ตึงกับไม้คล้ายกับคันธนู เส้นเชือกที่ผูกมัดใบลานหรือใบตาล ต้องลูบด้วยขี้ผึ้ง จะช่วยเพิ่มความดังของเสียงเมื่อใบลานปะทะลม เมื่อคันเสียงปะทะกับลม ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน ความดังของเสียงขึ้นอยู่กับความแรงของลม
ad
วิธีการเล่น
ก่อนเล่นว่าวต้องหาทิศทางลมก่อนว่าพัดไปทางไหน
มีผู้เล่นคนหนึ่งเป็นผู้ส่งว่าว อีกคนหนึ่งถือสายป่านอยู่เหนือลม โดยให้ยืน ห่างกันพอสมควร เมื่อได้จังหวะที่ลมพัดแรง ให้ผู้ส่งว่าวปล่อยว่าวขึ้นไปตามลม
คนถือสายป่านปล่อยสายป่านแล้วคอยกระตุกและผ่อนเป็นจังหวะจนว่าวขึ้นสูงติดลมบนแล้วให้ถือว่าวไว้นิ่ง ๆ คอยควบคุมและบังคับว่าวไม่ให้ตก
ข้อเสนอแนะ
ควรเล่นว่าวในสถานที่โล่งแจ้ง เช่น กลางสนามหรือทุ่งโล่ง
ไม่ไผ่ที่ใช้ทำว่าวควรเป็นไม้ไผ่สีสุก เพราะมีความแข็งแรงทนทาน
ตัวว่าวจะมีขนาดลำตัวใหญ่ อาจสูงเกินศีรษะ เพราะว่าต้องติดคันเสียง เสียงของว่าวหง่าวจะมีความไพเราะหรือไม่ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนประดิษฐ์เป็นสำคัญ
ถ้าไม่มีคนคอยช่วยส่งว่าว ผู้เล่นต้องถือเชือกไว้ เมื่อลมพัดมาให้ออกวิ่ง ตามทิศทางเดียวกับลมเพื่อเป็นแรงช่วยส่งว่าว ค่อย ๆ ปล่อยเชือกให้ยาวขึ้นจนว่าวขึ้นสูง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การละเล่นพื้นบ้าน 4 ภาค: ภาคกลาง หมากเก็บ

 การละเล่นพื้นบ้าน 4 ภาค: ภาคกลาง หมากเก็บ    จำนวนผู้เล่น   2 - 4 คน วิธีเล่น ใช้ก้อนกรวดที่มีลักษณะกลมๆ 5 ก้อน เสี่ยงทายว่าใครจะเล่นก่อน โดยวิธีขึ้นร้าน คือ ถือหมากทั้งห้าเม็ดไว้แล้วโยนพลิกหงายหลังมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับอีกที ใครเหลือหินอยู่ในหินอยู่ในมือมากที่สุดคนนั้นเล่นก่อน มีทั้งหมด 5 หมาก หมากที่ 1 ทอดหมากให้ห่างๆ กัน เลือกลูกนำไว้ 1 เม็ด ควรใช้เม็ดกรวดที่ห่างที่สุด โยนเม็ดนำขึ้นแล้วเก็บทีละเม็ดพร้อมกับรับลูกนำที่หล่นลงมาให้ได้ ถ้ารับไม่ได้ถือว่า "ตาย" ขณะที่หยิบเม็ดที่ทอดนั้น ถ้ามือไปถูกเม็ดอื่นถือว่า ตาย หมากที่ 2 เก็บทีละ 2 เม็ด หมากที่ 3 เก็บทีละ 3 เม็ด หมากที่ 4 ใช้โปะ ไม่ทอด คือ ถือหมากทั้งหมดไว้ในมือ โยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้นแล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้ "ขี้นร้าน" ได้กี่เม็ดเป็นแต้มของคนนั้น ถ้าขึ้นร้านเม็ดหล่นหมด ใช้หลังมือรับไม่ได้ ถือว่า "ตาย" ไม่ได้แต้ม คนอื่นเล่นต่อไป ถ้าใครตายหมากไหนก็เริ่มต้นหมากนั้น ส่วนมากกำหนดแต้ม 50-100 แต้ม เมื่อแต้มใกล้จะครบ เวลาขึ้นร้านต้องคอยระวังไม่ให้เกินแต้มที่กำหนด ถ้าเกินไปเท่าไร หมายถึงว่าต้องเร...

การเล่นเพลงยิ้มใย

 การเล่นเพลงยิ้มใย ภาค     ภาคเหนือ จังหวัด  สุโขทัย เพลงยิ้มใย ปัจจุบันหาผู้ร้องได้น้อยลงทุกที ลักษณะการร้อง คือ จะมีลูกคู่ร้องสอดรับคำว่า เชียะ เชียะ เชียะ ที่ท่อนกลางของเนื้อร้องท่อนที่หนึ่งกับร้องรับทวนซ้ำสองบทหลังสอง ครั้งแล้วจึงลงคำว่า เอ๋ยแล้วเอย นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเพลงยิ้มใยสุโขทัย ไม่พบที่ใด เพลงหน้าใยของทางภาคกลางก็มีลักษณะต่างกัน แต่เรียกชื่อคล้ายกันมาก ลักษณะการเล่น เป็นการเล่นของกลุ่มหนุ่มสาว การแต่งกาย แต่งกายอย่างชาวชนบทไทยในสมัยนั้น สถานที่ (ลานวัด และหมู่บ้านที่เป็นทางเดินแห่ขบวน) วิธีเล่น ในเทศกาลตรุษ สงกรานต์ก่อนจะสรงน้ำพระจะนำพระพุทธรูปใส่เกวียนแล้วแห่รอบหมู่บ้าน จากนั้นจึงนำไปสรง เพลงยิ้มใยนี้จะร้องเล่นกันไปในระหว่างแห่พระนั่นเอง เนื้อความทำนองร้องเล่นรื่นเริงสนุกสนาน ส่วนในเทศกาลออกพรรษา ทอดผ้าป่า ทอดกฐินนั้น ก็จะร้องเล่นกันไปในขณะเดินขบวน เพลง ลักยิ้มก็ฉันเอย นะพ่อคุณเอ๋ยยิ้มใย (ลูกคู่) เชียะ เชียะ เชียะ ตัดผมเรือนนอก ทัดแต่ดอกไม้ไหว ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถิดเอย (ลูกคู่) ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถิดเอย ตัดผมเรือนนอก ทัดแต่ดอกไม้ไหว ชมเล่นไกลๆ เอ๋ยเถ...

วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว

 วิ่งวัวหรือวิ่งเปรี้ยว (การเล่นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น) การเล่นวิ่งวัวหรือที่นิยมเรียกกันในปัจจุบันว่า วิ่งเปี้ยว อาจเป็นการวิ่งทางตรงสวนกันหรือวิ่งเป็นวงกลมเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งไล่ให้ทันอีกฝ่ายหนึ่ง วัตถุประสงค์ เพื่อฝึกความเร็วและความแข็งแรง เพื่อฝึกความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อการฝึกบริหารกาย อุปกรณ์ เสา 2 หลัก ผ้าเช็ดหน้า 2 ผืน ผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องแบ่งเป็น 2 ฝ่ายเท่า ๆ กัน รูปแบบ ปักหลัก 2 ข้าง หรือใช้คนนั่งเป็นหลัก ข้างละหลัก ระยะห่างประมาณ 50 หลา ผู้เล่นยืนเข้าแถวตอนด้านหลังหลักแต่ละข้าง  วิธีการเล่น เริ่มต้นพร้อมกันทั้งสองฝ่าย โดยผู้เล่นของแต่ละฝ่ายวิ่งอ้อมหลักไล่ให้ทันกัน มือถือผ้าคนละผืนเมื่อถึงฝ่ายของตนให้ส่งผ้าให้คนต่อไป ถ้าผ้าของใครตกต้องหยุดเก็บผ้าก่อน หรือคนต่อไปเก็บผ้าและถือไว้ วิ่งต่อไป ฝ่ายไล่ทันต้องใช้ผ้าที่ถืออยู่ตีอีกฝ่ายหนึ่งจึงถือว่า ฝ่ายนั้นชนะ ข้อเสนอแนะ ผู้เล่นคนใดถูกตีต้องรำตามเพลงที่ผู้ตีร้อง